Home ข้อคิดดำเนินชีวิต คนทั้ง 5 ประเภท จะอยู่ยากในอนาคต ถ้ายังไม่ปรับตัวอาจต้องตกงาน

คนทั้ง 5 ประเภท จะอยู่ยากในอนาคต ถ้ายังไม่ปรับตัวอาจต้องตกงาน

11 second read
2
102,541

อาจารย์ Li Kaifu เคยกล่าวเอาไว้ว่า ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะเริ่มทยอยปลดพนักงานออก

เพื่อลดค่าใช้จ่าย และในอีก 10 ปีข้างหน้า งานกว่า 50 % ของมนุษย์ จะถูกแทนที่ด้วยการใช้หุ่นยนต์

เพราะฉะนั้น อย่ าคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว เพราะ ในหลายๆประเทศที่พัฒนาแล้วเขาเริ่มทยอย

ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งคน 5 ประเภทนี้มีโอกาสที่จะเจอกันเหตุการณ์เหล่านี้

1. คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ

พนักงานที่ต้องทำงานแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เช่น แพคของ ประกอบชิ้นส่วน จัดเรียงสินค้ าในคลัง

งานที่อาศัยแค่การจับวางให้เข้าที่ไม่ได้ใช้การคิด วิเคราห์หรือการตัดสินใจใดๆ เรียกว่า

ทำงานด้านเดียวคล้ายๆ หุ่นยนต์ จึงไม่แปลกเลยหากจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์จริงๆ เพราะว่า

หุ่นยนต์ไม่เรียกร้องขึ้นเงินเดือน ไม่ข าด ลา มาสาย ไม่บ่น ไม่หยุดงานประท้วง ไม่เรียกร้องสวัสดิการเพิ่ม

 2. คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น

บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ให้เงินผู้สมัครงาน 75 บาท ให้พวกเขาไปหาข้าวกินด้วยกัน

เมื่อผู้สมัครทั้ง 6 คนไปถึงร้านอาหาร ปรากฎว่าข้าวจานหนึ่งราคาอย่ างต่ำ 15 บาท

เงินที่พวกเขามีไม่พอที่จะนำซื้อข้าวคนละจาน พวกเขาก็เลยกลับไปที่บริษัท พอถึงบริษัท

ประธานบริษัทรู้เข้าก็ส่ายหน้า แล้วพูดกับพวกเขาว่า ขอโทษด้วย พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเรา

คุณรู้ไหม…? ร้านอาหารร้านนั้น มีโป รโมชั่ นซื้อ 5 แถม 1 ไม่ได้อ่านดูรายละเอียดในเมนูเลยหรอ

นี่แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจหรือ ถึงแม้ไม่มีโปร 5 แถม 1 ก็ยังขอจานเปล่ามาหนึ่งใบ

แล้วสั่งข้าว 5 จานมาแบ่งกันกินก็ได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน

จึงไม่เกิดคำว่าเป็นทีมเดียวกัน ทุกคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง เมื่อเข้ามาอยู่ในองค์กรก็

ไม่รู้จักการทำงานเป็นทีม

 3. คนที่ไม่เรียนรู้ นอกเหนือจาก 8 ชั่ ว โมง

มีเพื่อนเราคนหนึ่งทำงานที่โกดังสินค้า คอยเช็คจำนวนสินค้าในคลัง งานนี้เป็นงานง่ายๆ

ที่เหมือนจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ในอนาคต แต่เมื่อทำงานปีแรกเขาก็ค้นพบว่ามีของ

บางอย่ างที่ถูกจัดส่งเป็นจำนวนมาก เขาเริ่มเกิดไอเดียจึงไปค้นหาข้อมูลต่อและพบว่า

ของบางอย่ างในโกดังนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ด้วยความที่อยู่ในวงการนี้อยู่แล้ว

ทำให้เขามองหาแหล่งผลิตที่ต้นทุนถูกได้และเริ่มนำมาลงหน้าเว็ปเพื่อขายออนไลน์

เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี ธุรกิจของเขาขยายตัวอย่ างรวดเร็ว เข้าปีที่ 7 เขาก็ได้เปิดบริษัท

เป็นของตัวเอง ตลอดระยะเวลาในการทำงาน สิ่งที่เขาไม่เคยหยุดทำเลยก็คือ ใช้เวลา

นอกเหนือจาก 8 ชั่ ว โมงในการเรียนรู้ ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งการเรียนรู้ความรู้เติบโตขึ้น

ในอัตราที่ก้าวกระโดด เพราะทุกคนมีอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าถึงความรู้ต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

4.คนมองอะไรสั้นๆ ตัดสินแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที

หลังเรียนจบ Li Ting และ Tan Si เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งด้วยกัน

หลังหมดระยะฝึกงาน บริษัทเสนอให้ไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ที่ต่างประเทศ

เป็นเวลา 2 ปี แต่ได้เงินเดือนแค่ครึ่งเดียวไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ Li Ting รู้สึกว่า

เงินเดือนน้อยเกินไป แถมไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในต่างแดนด้วย ก็เลยไม่ไป

ส่วน Tan Si กล้าตัดสินใจเลือกไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ

ในมุมมองของเธอ เธอคิดว่าไปศึกษางาน แถมยังได้เงินเดือนเป็นเรื่องที่คุ้มแสนคุ้ม

พอเวลาผ่านไป 2 ปี Tan Si กลับมาที่บริษัทในฐานะหัวหน้าโครงการคนใหม่

รายได้ 1 ล้านต่อปี ส่วน Li Ting ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิมเงินเดือนในตอนนี้

ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Si เลยด้วยซ้ำ

5. คนที่ไม่เข้าใจการลงทุนในตัวเอง

เรามักจะได้ยินคำเตื อนว่า อย่ าฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเราเก็บเงินได้ 1 แสนต่อปี

ภายใน 10 ปี เก็บได้ 1 ล้าน นี่คือเก่งหรอ…? คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะคุณ

ใช้เวลาตั้ง 10 ปีถึงจะเก็บเงินได้ 1 ล้าน แต่คนอื่นอาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียว

ในการเก็บเงินหนึ่งล้าน คุณต้องรู้ว่าจะลงทุนกับตัวเองยังไง ถ้าทุกเดือน

คุณเอาเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเองบ้าง เช่น ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก

เพื่อไปเจอธุรกิจใหม่ๆ ที่น่าสนใจในต่างประเทศ แต่ในบ้านเรายังไม่มี

ก็นำไอเดียกลับมาต่อยอดเป็นธุรกิจของตัวเอง เป็นต้น

Load More Related Articles
Load More By kondee
Load More In ข้อคิดดำเนินชีวิต
Comments are closed.

Check Also

รถสี่คัน กับครูแปดคนที่ต้องเจอในชีวิต (ให้ข้อคิดดีมาก)

“ รถสี่คันในชีวิต ” รถเข็นเด็ก รถจักรยาน รถยนต์ รถเข็นค … …