โบราณเค้าว่าไว้ ‘หล่อมักนก ตลกมักได้’….ใช่ครับ ความตลกเป็นทักษะการเข้าสังคมอย่ างหนึ่งนั่นเองการเป็นคนตลกคืออะไร
ที่เราสามารถเรียนรู้ได้ ดาราตลกหลายคนก็ใช้เวลาฝึกฝนจังหวะวิธีแสดงและมุขตลก วันละหลายชั่วโมง….และความพย าย าม
เป็นคนตลกมันคุ้มค่ากับการฝึกซ้อมมากข้อดีของการเป็นคนตลกมีเยอะมากครับ คนส่วนมากก็จะชอบเรามากขึ้น เราสามารถ
ทำให้คนที่เรารักมีความสุขได้มากขึ้น และเมื่อคนรอบข้างเรามีความสุข เราก็จะมีความสุขมากขึ้นด้วย
อย ากเป็นคนตลกต้องทำยังไง
การเป็นคนตลกคือการเข้าใจว่าผู้ฟังมีความคาดหวังอะไรและหาจังหวะที่ดีในการ ‘ พลิกความคาดหวัง ’ ของผู้ฟังให้เป็นสิ่งที่
ตรงกันข้าม แปลกใหม่ หรือ เกินความเป็นจริง แต่นอกจากการรู้เทคนิคพวกนี้แล้ว คุณ ยัง ต้อง ฝึกซ้อมการนำเสนอและเลือก
มุขตลกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยข้อมูลศึกษาให้เราเป็นคนที่ตลกขึ้นมีหลายอย่ างทั้งวิดิโอบนยูทูปหนังสือต่างๆ ข้อมูล
ในพันทิป หรือถ้าอย ากลงทุนจริงๆก็ไปหาคอร์สเรียนยังได้เลยซึ่งผมก็เป็นคนที่ชอบศึกษาข้อมูลพวกนี้พอสมควร จากการที่
เป้าหมายของบทความนี้ก็คือการแนะนำวิธีเป็นคนตลกที่สามารถทำได้ง่ายและทำได้จริง ผมจะไม่แนะนำวิธีที่คลุมเครือแบบ
‘หาจังหวะให้ถูก’ อะไรแบบนี้ ลองไปดูกันเลยครับ
1 : ให้คำตอบตรงข้าม เวลาอีกฝ่ายคาดว่าเราจะตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’
‘ความคาดหวัง’ คือสิ่งที่เราสามารถเล่นได้เวลาเราอย ากจะเป็นคนตลก ยกตัวอย่ างเช่นการที่เราตอบอะไรแปลกๆฮาๆเวลา
อีกฝ่ายถามอะไรจริงจังเป็นต้น แต่การพลิกความคาดหวังของอีกฝ่ายให้ตลกมากขึ้นมันต้องกะจังหวะและหาคำตอบสวยๆ
ให้ได้ทริคการพลิกความคาดหวังของอีกฝ่ายให้ง่ายที่สุดคือคำตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่’ เวลาที่เราถูกถามอะไรซักอย่ าง…โดย
เฉพาะคำถามอะไรที่อีกฝ่ายคาดหวังว่าคุณจะตอบอีกแบบหนึ่งแน่นอนเวลาคุณกินบุฟเฟ่กับเพื่อนเสร็จแล้วอีกฝ่ายถามว่า
‘กินอิ่มยัง’ คำตอบที่อีกฝ่ายคาดหวังไว้ก็คือ ‘อิ่มแล้ว’ แต่ถ้าคุณตอบว่า ‘ยังไม่อิ่ม’ คุณก็จะทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มได้ไม่มากก็
น้อยละครับ
2 : เล่นกับตัวเลข
อีกส่วนหนึ่งของการเล่นกับความคาดหวังก็คือการเล่นกับตัวเลขตัวเลขเป็นอะไรที่ใช้ได้ผลดีเ พ ร า ะมันบอกได้ชัดเจนว่าอะไร
เยอะ อะไรน้อย และอะไรคือตัวเลขที่โอเวอร์เกินความจริง…แต่ถ้าคุณไม่เก่งเลข คุณก็ไม่ต้องกลัวไปนะครับ วิธีเล่นกับตัวเลข
ง่ายๆก็คือการใช้คำว่า ‘มาก’ หรือ ‘น้อย’ แค่นั้น’ยกตัวอย่ างเช่นหากคุณบอกว่าคุณไปออกกำลังกายเหนื่อยมาก แต่พอคนถาม
คุณว่าคุณวิ่งเยอะแค่ไหน คุณก็อาจจะพูดตลกด้วยการบอกว่า ‘วิ่งไป 5 นาที’ อะไรแบบนี้ ยิ่งคุณสร้างความคาดหวังให้อีกฝ่าย
ได้เยอะแค่ไหน คำ พูด ของ คุณ ก็ยิ่งตลกมากขึ้นถ้าตัวเลขออกมาไม่ตรงกับความคาดหวังนั้นๆคำพูดสร้างความคาดหวังด้าน
ตัวเลข มี เยอะ มากครับ เยอะ น้อย มาก นิดเดียว แค่ ตั้ง เป็น ต้น หาก คุณกำลังจะพูดตัวเลขใหญ่ๆ คุณก็สามารถใส่คำว่า ‘แค่’
หรือ ‘นิดเดียว’ เป็นการเตรียมความคาดหวังอีกฝ่ายไว้ก่อน แต่ถ้าตัวเลขของคุณเป็นตัวเลขเล็ก คุณก็ต้องเตรียมความคาดหวัง
อีกฝ่ายด้วย ‘ได้เยอะมาก’ เป็นต้น ‘อาทิตย์ที่แล้วถูกหวยเยอะสุดในชีวิต ได้มา 100 บาท’
3 : กฏข้อ 3
เวลาเราพูดอะไรเป็นข้อๆ เป็นขั้นเป็นตอน เรากำลังสร้างความคาดหวังให้อีกฝ่ายอยู่ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบหารูปแบบให้
ทุกอย่ าง…แม้กระทั้งบทคำพูด เ พ ร า ะฉะนั้นเวลาคุณเล่าเรื่องเริ่มที่หนึ่งไปสอง และ จบที่สาม คุณก็สามารถทำให้อีกฝ่าย
คาดหวังในเรื่องที่สามตอนจบได้กฏข้อสามใช้กับอะไรง่ายๆก็ได้ครับแทนที่จะพูดว่าสีแดงสีขาวสีฟ้าคุณอาจจะพูดว่า สีแดง
สีขาว และ สีเขียวมะนาวอมเทา แทนเป็นต้น คุณสามารถพูดให้ ‘ข้อที่สาม’ เป็นอะไรที่โอเวอร์เกินความเป็นจริงจากสอง
ข้อแรก หรือจะพูดให้เป็นสิ่งตรงกันข้ามเลยก็ได้ 1 ธรรมดา 2 ธรรมดา 3 ตลก/แปลก/เกินความเป็นจริง
4 : แกล้งเข้าใจผิด สลับตัวละคร
การเล่นกับภาษาก็สามารถทำให้มันตลกได้ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าให้เล่นมุข อย ากไปซานฟราน (ซานฟรานรีเวิลด์) หรือ
ไปเที่ยวเมกา (เมกาบางนา) นะครับ สิ่งที่เราจะทำกันในข้อนี้คือการเล่นกับตัวละครและการเล่นกับสรรพนามนั่นเองภาษาเป็น
อะไรที่สวยงามครับ มีการใช้คำศัพท์แทนชื่ออยู่เสมอ เช่น เขา เธอ ชั้น เรา คุณ เวลาใครเล่าเรื่องส่วนมากเค้าก็ไม่ใช่ชื่อคน
ซ้ำไปซ้ำมาใช่ไหมครับ คนส่วนมาก็ชอบ ‘ใช้สรรพนาม’ ในการอธิบายให้อะไรมันสั้นลงเวลาที่มีคนเล่าเรื่องอะไรที่มีตัวละคร
สองคน (ซึ่งก็เป็นทุกเรื่องเหล่ะครับ ยกเว้นหนัง The Martian) เราก็สามารถหาเรื่องทำเป็นแกล้งเข้าใจผิดว่าคิดตัวละครที่
พูดถึงนั้นหมายถึงตัวละครอีกตัวแทน คุณอาจจะเล่าเรื่องเอง
5 : มุขตลกต้องมาทีหลัง
เคยได้ยินไหมครับว่าการเป็นคนตลกมันขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาเวลาเราเล่าเรื่องตลก ส่วนมากแล้วถ้าเรารีบยิงมุขเร็วไป มัน
ก็อาจจะไม่ตลกก็ได้สาเหตุก็คือคนส่วนมากต้องใช้เวลาในการซึมซับมุขต่างๆเราสามารถเรียกสิ่งนี้ว่าการ ‘วอร์มอัพ คนดู’ ก่อน
การ ‘วอร์มอัพคนดู’ ไม่ได้แปลว่าเราต้องบอกคนดูคนฟังว่าเรากำลังจะเล่นมุขนะ เราต้องทำสิ่งตรงกันข้ามคือการทำให้อีกฝ่าย
เลิกคิดว่าเราจะเล่นมุข โดยเราสามารถทำได้ด้วยการพูดหรือเล่าเรื่องอื่นเพื่อ ‘ลบความคาดหวัง’ นั้นๆมันอาจจะเป็นอะไรที่ใช้
การเล่าเรื่องเยอะ อย่ างการเก็บ ‘ท่อนฮุค’ ไว้พูดประโยคสุดท้าย หรือการเก็บ ‘คำเฉลย’ ไว้เป็นคำท้ายสุดของประโยคก็ได้
สรุปวิธีการเป็นคนตลกอย่ างง่ายๆ
หลังจากที่คุณเล่นมุขไปแล้ว คุณยังสามารถนำมุขอื่นๆที่เคยเล่นไปแล้วมาพูดใหม่อีกรอบได้ด้วย ถ้าคนฟังได้หัวเราะกับมุขนี้
ไปแล้ว เพียงแค่คุณนำกลับมาพูดเล็กๆน้อยๆคนฟังก็จะขำตามแล้วครับ โน๊ตอุดมใช้วิธีนี้บ่อยมาก เวลาโน๊ตอุดมเล่าเรื่องอะไร
ไปแล้วจะชอบกลับมาโยงเรื่องให้เข้ากับมุขอื่นๆของตัวเองสุดท้ายแล้วการเป็นคนตลก…ก็ต้องใช้การฝึกซ้อมครับ ต่อให้เรารู้
จักทริคที่ผมเขียนมาแล้ว ยังไงคุณก็ต้องฝึกพูด ฝึกหาจังหวะ หรือแม้กระทั้งเปิดอินเตอร์เนตหามุขจดไว้ใช้ทีหลังในช่วงแรกๆ
ให้คุณเริ่มจากมุขอะไรใกล้ตัวหรืออะไรง่ายๆก่อน ผมคิดว่ามุขตลกที่ต้องเล่าเรื่องเกริ่นนำย าวๆเป็นอะไรที่ย าก เ พ ร า ะคุณ
ต้องสามารถเรียกร้องความสนใจของอีกฝ่ายได้ให้ในระยะย าว (อาจจะหลายนาที) กลับกันถ้าคุณหาจังหวะพูดแค่หนึ่งคำหรือ
หนึ่งประโยคเวลาอีกฝ่ายกำลังเล่าเรื่องหรือพูดอยู่ มันก็อาจจะง่ายกว่ามากสิ่งแรกที่คุณต้องทำให้ได้คือ ‘ใส่ใจกับสิ่งที่อีกฝ่าย
พูด’ ถ้าคุณไม่เข้าใจมุมมองของผู้ฟังคุณก็จะไม่สามารถเล่นกับความคาดหวังของอีกฝ่ายได้ถ้าคุณลองศึกษาพวกตลกมืออาชีพ
ดู คุณจะเห็นว่าคนพวกนี้ไม่ได้เป็นคนที่ตลกมาตั้งแต่แรก โอเค ผมยอมรับว่าคนพวกนี้คงชอบเสียงหัวเราะและเป็นคนที่มี
อารมณ์ดีในระดับหนึ่ง แต่กว่าที่คนพวกนี้จะกลายเป็น ‘ตลกมืออาชีพ’ เค้าก็ต้องมีการฝึกมุข ฝึกจังหวะ มานับไม่ถ้วน