ชีวิตของการเดินบนเส้นทางที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด มีทั้งยอดเขาสูงและหุบเหว มีภูเขาให้ปีนป่าย มีมหาสมุทรกว้างใหญ่ให้ออก
สำรวจ เต็มไปด้วยช่วงเวลาที่ดีและแย่ แต่ชีวิตก็ยังเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่เสมอ นั่นแหละ สิ่งมหัศจรรย์ของชีวิตสิ่งที่ไม่มีใคร
เคยบอกเมื่อคุณยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาคือสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้เมื่อต้อง “เติบโต” มันคือสิ่งที่จะปลุกคุณจากความเพ้อฝัน
และบังคับให้คุณต้องยืนอยู่บนความจริง
1 : ผู้คนส่วนใหญ่หวาดกลัวจินตนาการ
พวกเขาตัดจากการเชื่อมต่อกับความเย าว์วัยในจิตใจตนเอง ไม่รู้สึกว่าตนมีความคิดสร้างสรรค์ และมักจะพึงพอใจในสิ่งต่างๆ
‘อย่ างที่มันเป็นอยู่’
2 : ไม่มีใครเห็นค่าความฝันของคุณมากเท่าตัวคุณเอง
พวกเขาอาจจะสนใจและให้การสนับสนุนหากคุณออกปากขอ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครหรอกที่ใส่ใจมันไปมากกว่าตัวคุณเอง
3 : มิตรภาพแปรผันตามวงโคจรของชีวิต
เพื่อนส่วนใหญ่มักโคจรเข้ามาในชีวิตเราเพียงระยะเวลาหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นทิศทางชีวิตของคุณเป็นอย่ างไร ชีวิตคนเรา
ย่อมต้องเปลี่ยนแปลง และคุณก็ต้องก้าวไปในเส้นทางใหม่ๆ เช่นเดียวกับเพื่อนของคุณ
4 : ยิ่งอายุมาก ความสามารถก็ยิ่งเพิ่มพูน
คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่า คนเราพอยิ่งแก่ ความสามารถก็ยิ่งถดถอย แต่ในความจริง การได้ใช้เวลาซึมซับความรู้ย าวนานกว่า
คนอื่นๆ กลับจะทำให้คนเรารู้มากขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้นต่างหาก เ พ ร า ะการไปสู่จุดสูงสุดในเรื่องใดก็ตามย่อมต้องใช้เวลา
ฝึกฝนทุกวันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่อาศัยพรสวรรค์ที่ติดตัวมา
5 : ความเป็นธรรมชาติมาคู่กับความสร้างสรรค์
ถ้าคุณใช้ชีวิตเป็นรูทีน(routine) ซ้ำเดิมอยู่ทุกวัน คุณก็จะไม่มีทางค้นพบอะไรใหม่ๆ ในชีวิต ยังจำตอนเด็กที่ยังไร้เดียงสาและ
ตื่นเต้นไปกับทุกอย่ างได้หรือเปล่า? อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแค่ปล่อยกายปล่อยใจให้สบาย ลองเปิดรับสิ่งใหม่ดูบ้าง
6 : คุณจะหลงลืมคุณค่าของ “การสัมผัส” ไป
เมื่อไหร่คือครั้งสุดท้ายที่คุณได้วิ่งเล่นท่ามกลางสายฝน หรือนั่งพินิจดูต้นไม้ใบหญ้า พื้นดิน และก้อนหินริมทางเดิน? ลองกลับ
มาทำแบบนั้นอีกสิ แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงความร่าเริงของชีวิตอีกครั้ง
7 : คนส่วนใหญ่ไม่ทำในสิ่งที่ตนรัก
เป็นความจริงที่ว่า “ผู้คนในกระแสหลัก” ก็คือ คนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่วาดฝันไว้ ซึ่งเป็นเ พ ร า ะพวกเขาไม่ได้สู้เพื่อมันมาก
พอ และยิ่งคุณแก่ลงคุณก็อาจเผลอเชื่อไปว่าตนต้องเดินไปตามเส้นทางเดียวกับพวกเขา เ พ ร า ะฉะนั้น จงหนักแน่นในตัวเอง
8 : หลายคนเลิกอ่านหนังสือหลังจบมหาวิทย าลัย
ลองถามคนรู้จักสักคนดูสิว่า หนังสือดีๆ ที่อ่านเล่มล่าสุดคือเรื่องอะไร พนันได้เลย พวกเขาคงจะตอบว่า “โห เราไม่ได้อ่าน
หนังสือมานานมากแล้วนะเนี่ย”
9 : คนเรามักพูดมากกว่าฟัง
ไม่มีสิ่งไหนจะตลกไปกว่าการเห็นคนสองคนคุย ‘กับตัวเอง’ ให้กันฟัง ไม่มีฝ่ายไหนฟังจริงๆ หรอก ทุกคนก็แค่รอเพื่อให้ถึง
ตาตัวพูดเท่านั้นแหละ
10 : ความคิดสร้างสรรค์มาจากการฝึกฝน
สังคมเราให้คุณค่าและชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์ก็จริง แต่กลับพย าย ามจำกัดและควบคุมไว้ถ้ามันไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์
ที่จับต้องได้จริงๆ ดังนั้น ถ้าคุณอย ากกระตุ้นให้ตนมีความคิดสร้างสรรค์คุกรุ่นอยู่เสมอ คุณก็ต้องฝึกฝนด้วยตนเองแล้วล่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 6 สิ่งที่ช่วยกระตุ้น “ความคิดสร้างสรรค์” ที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน!
11 : “ความสำเร็จ” ไม่มีความหมายตรงตัว
ตั้งแต่เด็ก เรามักถูกสอนให้มุ่งมั่นไปสู่ความสำเร็จเสมอ แต่จริงๆ แล้วมันแปลว่าอะไรกันแน่? ความสำเร็จของคนหนึ่งอาจจะ
แตกต่างจากความสำเร็จของอีกคนอย่ างสิ้นเชิงก็ได้ เ พ ร า ะฉะนั้น จงกำหนดความสำเร็จในแบบของคุณเอง
12 : คุณเปลี่ยนแปลงพ่อแม่ไม่ได้
การเติบโตขึ้นทำให้คุณพบกับความจริงที่ยอมรับได้ย ากว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนของพ่อแม่ได้ ไม่สำคัญหรอกว่า
ท่านจะเข้าใจยอมรับในตัวตนของคุณหรือไม่ จงปล่อยวาง และรักท่านที่ได้ให้โอกาสเราได้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ดีกว่า
13 : คนเดียวที่คุณต้องเผชิญหน้าด้วยในทุกเช้าก็คือตัวคุณเอง
ตอนยังเด็กกว่านี้ คุณอาจรู้สึกว่าต้องพย าย ามทำให้ทุกคนพึงพอใจ แต่ความจริง คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่ างนั้นเลย ทำในสิ่ง
ที่ตนมีความสุขเถอะ ออกแบบชีวิตในแบบที่ต้องการ เพื่อให้ตื่นมาพบหน้าคนที่ตัวเองรักจริงๆ ในกระจกทุกเช้ายังไงล่ะ
14 : ความรู้สึกที่ดีที่สุดเกิดจากการทำด้วยใจจริง
เงินทอง ความสำเร็จ การสรรเสริญเยินยอใดๆ ก็ไม่มีคุณค่าเทียบเท่ากับสิ่งที่คุณทำด้วยความรักบริสุทธิ์ จงทำตามที่หัวใจ
เรียกร้อง แล้วคุณจะพบกับสิ่งเหล่านั้นเอง
15 : ศักยภาพสัมพันธ์โดยตรงกับการรู้จักตัวเอง
ผู้ที่รู้จักตัวเองและพัฒนาจุดแข็งของตัวเองคือคนที่จะทำตามที่หวังไว้ได้สำเร็จ ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักกตัวเอง และหลีกเลี่ยง
การสะท้อนทบทวนตัวเองก็จะได้แต่ใช้ชีวิตตามกระแสน้ำไปเรื่อยๆ ไม่อาจออกแบบอนาคตเพื่อตัวเองได้
16 : คนที่ดูถูกคุณจะกลับมาหาคุณในที่สุด
คนที่เคยรังแกคุณตอนเด็กๆ อาจจะต้องมาสมัครงานที่บริษัทของคุณ ผู้หญิงที่เคยปฏิเสธคุณก็อาจจะกลับเข้ามาในชีวิตคุณ
อีกหากเห็นว่าคุณกำลังไปได้ดี นั่นเป็นเรื่องจริงของชีวิต ดังนั้น จงโฟกัสที่ตัวเอง ซื่อสัตย์กับความเชื่อ ความศรัทธาที่มี แล้ว
ผู้คนที่เคยคลางแคลงในตัวคุณก็จะกลับมาขอความช่วยเหลือจากคุณเอง
17 : คุณคือกระจกสะท้อนของผู้คนที่ใช้เวลาด้วยมากที่สุด 5 คน
ไม่มีใครสร้างตัวตนขึ้นมาด้วยตัวเองล้วนๆ พวกเราล้วนถูกปั้นแต่งจากภาพสะท้อนที่เราเห็นในตัวของผู้อื่น เ พ ร า ะฉะนั้น
จงรายล้อมตัวเองด้วยคนที่คุณชื่นชม แล้วในที่สุดคุณจะก็ได้รับสิ่งดีๆ ในตัวพวกเขาเข้ามาในตัวเองด้วย
18 : ความเชื่อแปรผันไปตามเส้นทางชีวิตของคุณ
สถานที่ที่คุณอยู่ ผู้คนที่รายรอบ และความมุ่งมาดปรารถนาที่คุณมีจะเป็นตัวกำหนดความคิดความเชื่อของคุณ “ความเชื่อ”
ไม่ใช่สิ่ง “ตรงตัว” ไม่มี “ผิดถูก” แต่ขึ้นอยู่กับว่า มันตอบสนองวิถีชีวิตของคุณได้มากแค่ไหน
19 : ไม่ว่าอะไรก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีได้
อย่ างที่บอกไปว่าเมื่อคุณโตขึ้น คุณจะพบว่าไม่มีอะไร “ผิด” หรือ “ถูก” ตรงตัว จงรู้จักนิสัยของตัวเอง ตระหนักได้ว่าใช้เวลา
ไปกับอะไรบ้าง มีพฤติกรรมอะไรที่เริ่มทำบ่อยจนติดเป็นนิสัย แล้วตั้งคำถามว่า มันมาจากไหน ทำไมคุณถึงอย ากทำมันซ้ำๆ ?
ความผิดพลาดไม่มีอยู่จริง มีเพียงบทเรียนต่างหาก
20 : เป้าประสงค์ของชีวิตคือการเป็น “ตัวเอง”
ความหมายของชีวิต คือ การเป็นตัวเองเสมอในทุกๆ เรื่องที่ทำ คุณเป็นทั้งผู้สร้างและผลงานมาสเตอร์พีซของตัวเองที่
ยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ การเติบโต คือ การเรียนรู้ว่าคุณเป็นทั้งศิลปินและผลงานของตนเอง ดังนั้นจงรังสรรตัวเอง
อย่ างที่ใจต้องการ