อย ากเลี้ยงลูกให้เก่ง และได้ดี พ่อแม่ต้องขี้เกียจ 3 อย่ าง
พ่อแม่ส่วนใหญ่เคยผ่านความลำบากมาก่อน จึงไม่อย ากให้ลูกต้องพบเจอกับความลำบากเหมือนตัวเองเจอมา จึงพย าย าม
เลี้ยงลูกให้ได้รับความสบายมากที่สุด อย ากได้อะไรก็หาให้หมด จนทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้องพย าย ามอะไรก็ได้ทุกอย่ างที่
ต้องการมาแล้วซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ จะส่งผลในระยะย าวและกลายเป็นปัญหาให้ลูกเองเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่สามารถ
ดูแลตัวเองได้ กลายเป็น “โ ร ค ไม่รู้จักความลำบาก” ดังนั้นหากพ่อแม่รักลูกจริงๆ ต้องขี้เกียจใน 3 เรื่องนี้
1 : ขี้เกียจช่วยลูกทำการบ้าน
คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า.. เธอไม่เคยสอนหรือช่วยทำการบ้านให้ลูกของเธอเลย แม่จะบอกลูกแค่ว่า
ให้ทำการบ้านเวลาไหน ควรทำเวลาไหน แล้วก็ไล่ให้ลูกไปทำ พอทำเสร็จก็ค่อยบอกแม่ และเธอก็จะไม่ตรวจสอบว่าลูกทำ
ถูกต้องหรือไม่เ พ ร า ะการตรวจสอบนั้นมันเป็นหน้าที่ของลูกหรือให้รู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียนคุณแม่แค่เซ็นชื่อให้เท่านั้นเอง
ช่วงแรกๆลูกของเธอก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า “ทำไมแม่ถึงขี้เกียจแบบนี้… แม่คนอื่นเขาช่วยตรวจการบ้านให้ลูกกัน
ทั้งนั้น “เธอจึงตอบลูกไปว่า “ที่แม่ไม่ตรวจการบ้านลูก ไม่ใช่เ พ ร า ะแม่ขี้เกียจหรอกนะ แต่ลูกลองคิดดูสิ !! ถ้าแม่ตรวจให้
แล้วลูกจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แล้วตอนสอบเวลาลูกทำผิด จะรู้ไหมว่าผิดตรงไหน ลูกต้องฝึกตรวจความถูกต้อง
ด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เ พ ร า ะในห้องสอบไม่มีใครช่วยลูกตรวจได้ “
จำไว้นะลูกว่า…ตอนลูกอยู่ในโรงเรียน ลูกจะได้รับบทเรียนก่อน แล้วถึงได้ทำข้อสอบ แต่สำหรับในโลกความจริง…
ลูกจะต้องเจอบททดสอบก่อน ถึงจะได้บทเรียน!!
การที่เธอขี้เกียจสอนการบ้าน หรือช่วยลูกทำการบ้าน ทำให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากที่สุด ลูกจะได้รู้จักพึ่งพาตัวเองก่อน
ที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ หากคิดไม่ออกหรือทำไม่ได้ ค่อยมาขอคำแนะนำจากแม่ได้
ผลปรากฎว่า : สำหรับพ่อแม่ที่มีนิสัยขี้เกียจตีกรอบความคิดให้ลูก แต่ปล่อยให้ลูกคิดเองอย่ างอิสระ หรือทำทุกอย่ างด้วย
การตัดสินใจของตัวเองได้อย่ างอิสระ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังให้ความสนใจลูกและคอยดูอยู่ห่างๆ จะทำให้ลูสามารถ
เผชิญกับปัญหาได้ดี เขาจะมีภูมิคุ้มกัน มีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้วันหนึ่งคุณจะไม่ได้อยู่ปกป้องเขา
แล้วก็ตาม
2 : ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง
พ่อแม่ต้องขี้เกียจตามเก็บกวาดให้ลูกทุกอย่ าง ควรปล่อยให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองบ้าง บางสิ่งที่ลูกสามารถทำเองได้ไม่จำเป็น
ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยทุกครั้งไป เช่น ห้องนอนลูกที่ดูไม่เป็นระเบียบ แค่เตือนให้เขารู้ตัวว่าต้องทำ แต่ไม่ต้องไปทำให้ลูก
เราควรจะเน้นไปที่การสอนให้ลูกดูแลความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน เช่น ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร
และเมื่อลูกเห็นว่าพื้นที่อื่นในบ้านสะอาด เขาจะรู้สึกว่า เขาต้องทำความสะอาดห้องนอนตัวเองให้สะอาดเหมือนกัน
ผลปรากฎว่า : เมื่อพ่อแม่ขี้เกียจช่วยเหลือลูกในบางเรื่อง ส่งผลให้ลูกฝึกทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองมากขึ้น และเป็นการฝึกนิสัย
พึ่งพาตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งรอบตัว และจะทำให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาโตไปจะกลายเป็น
คนที่สามารถรับผิดชอบได้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง
3 : ขี้เกียจบ่น ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ใ น หลาย ครอบครัวคนเป็นพ่อเป็นแม่ มักจะตั้งความหวังไปที่ลูกมากจนเกินไป จนทำให้ลูกอึดอัดและกดดัน กลายเป็น
ไม่สนใจ และ ไม่อย ากฟัง สิ่ง ที่ เรา จะพูด แต่สำหรับครอบครัวนี้ เขากลับใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในการชวนลูก
มาเล่นเกม และไม่ต้องทำการบ้านโดยคุณแม่จะถามว่า ” ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง? “ลูกตอบว่า… ” ขอเล่นอีก 30 นาที “
แม่ตอบกลับไปว่า… ” โอเค ต้อง รั ก ษ า คำพูดนะ “
เมื่อถึงเวลา 30 นาที แม่เดินกลับมาดู และยังเห็นลูกเล่นเกมอยู่ คุณแม่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังสงบอารมณ์ได้ และพูดกับลูก
อย่ างใจเย็นว่า ” ปกติลูกเป็นคน รั ก ษ าคำพูดไม่ใช่หรอ…? “
เมื่อลูกได้ฟังคำพูดของแม่ ก็เริ่มรู้สึดผิดต่อสิ่งที่ทำ และเดินไปปิดสวิทช์ และ รีบไปทำการบ้านทันที…!!
นี่เป็นสาเหตุมาจาก ” การเป็นคนน่าเชื่อถือ “ ของคุณแม่ท่านนี้ เ พ ร า ะเวลาคุณแม่รับปากอะไรกับลูกไว้ เธอก็จะทำตามนั้น
ได้เป๊ะๆ ไม่เคยผิดคำพูดกับลูก เช่น จะพาลูกไปเที่ยว จะซื้อของเล่นให้ เธอก็ทำตามคำพูดได้ทุกครั้งมันแสดงให้เห็นว่าคุณ
แม่ท่านนี้เป็นคนที่ให้วคมาสำคัญกับการ รั ก ษ า คำพูดเป็นอย่ างมาก เมื่อรับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ และสอนลูกให้
รู้จักรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง แล้วคำพูดก็เลยดูศักดิ์สิทธิ์
ผลปรากฎว่า : พ่อแม่ที่ไม่บ่นเรื่อนเปื่อย แต่ใช้วิธีปลูกฝังจิตสำนึกให้ลูกแทน ใช้เหตุผลในการคุยกับลูกมากกว่าอารมณ์
สอนให้ลูกรู้จัก รั ก ษ า คำพูดของตัวเอง และทำตามที่พูดไว้อย่ างเคร่งครัดทำให้ลูกให้ความสำคัญกับคำพูดมากโดยที่
เราไม่ต้องไปบ่นให้เขามากมาย เขาสามารถสำนึกและคิดได้เอง
ถ้าอย ากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ
ถ้าอย ากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น
ถ้าอย ากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จัก รั ก ษ า คำพูด
ถ้าอย ากให้ลูกพูดเ พ ร า ะ และ มีมารย าท ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน
บางคนมักจะรักลูกแบบผิดๆ ไม่อย ากให้ลูกต้องลำบาก จึงไม่ยอมให้ลูกได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง จนลูกกลายเป็นคนที่
ทำอะไรเองไม่เป็น ลูกมีหน้าที่เรียนก็เรียนอย่ างเดียว แต่ในชีวิตจริง ความรู้ในตำราอย่ างเดียวก็ใช้ไม่ได้ ต้องอาศัย
ประสบการณ์ชีวิตในการเอาตัวรอดด้วย
ไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน มีเงินเหลือมากพอที่จะทำให้ลูกสุขสบายไปทั้งชีวิตแต่ถ้าไม่สอนให้เขาเติบโตได้เองอย่ างเข็มแข็ง
เขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง เ พ ร า ะฉะนั้น..จงสอนให้เขารู้จักความลำบาก และเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และ ต่อสังคมให้ได้