Home ข้อคิดดำเนินชีวิต ถ้าที่เลี้ยงลูกไม่ให้รู้จักความลำบากจะส่งผลในระยะย าวกลายเป็นปัญหาเมื่อโตขึ้น

ถ้าที่เลี้ยงลูกไม่ให้รู้จักความลำบากจะส่งผลในระยะย าวกลายเป็นปัญหาเมื่อโตขึ้น

0 second read
0
1,178

อย ากเลี้ยงลูกให้เก่ง และได้ดี พ่อแม่ต้องขี้เกียจ 3 อย่ าง

พ่อแม่ส่วนใหญ่เคยผ่านความลำบากมาก่อน จึงไม่อย ากให้ลูกต้องพบเจอกับความลำบากเหมือนตัวเองเจอมา จึงพย าย าม

เลี้ยงลูกให้ได้รับความสบายมากที่สุด อย ากได้อะไรก็หาให้หมด จนทำให้ลูกรู้สึกว่าไม่ต้องพย าย ามอะไรก็ได้ทุกอย่ างที่

ต้องการมาแล้วซึ่งการเลี้ยงลูกแบบนี้ จะส่งผลในระยะย าวและกลายเป็นปัญหาให้ลูกเองเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะไม่สามารถ

ดูแลตัวเองได้ กลายเป็น “โ ร ค ไม่รู้จักความลำบาก” ดังนั้นหากพ่อแม่รักลูกจริงๆ ต้องขี้เกียจใน 3 เรื่องนี้

1 : ขี้เกียจช่วยลูกทำการบ้าน

คุณแม่ท่านหนึ่งได้เล่าประสบการณ์ของตัวเองว่า.. เธอไม่เคยสอนหรือช่วยทำการบ้านให้ลูกของเธอเลย แม่จะบอกลูกแค่ว่า

ให้ทำการบ้านเวลาไหน ควรทำเวลาไหน แล้วก็ไล่ให้ลูกไปทำ พอทำเสร็จก็ค่อยบอกแม่ และเธอก็จะไม่ตรวจสอบว่าลูกทำ

ถูกต้องหรือไม่เ พ ร า ะการตรวจสอบนั้นมันเป็นหน้าที่ของลูกหรือให้รู้ว่าถูกผิดจากที่โรงเรียนคุณแม่แค่เซ็นชื่อให้เท่านั้นเอง

ช่วงแรกๆลูกของเธอก็แสดงอาการไม่พอใจ และพูดว่า “ทำไมแม่ถึงขี้เกียจแบบนี้… แม่คนอื่นเขาช่วยตรวจการบ้านให้ลูกกัน

ทั้งนั้น “เธอจึงตอบลูกไปว่า “ที่แม่ไม่ตรวจการบ้านลูก ไม่ใช่เ พ ร า ะแม่ขี้เกียจหรอกนะ แต่ลูกลองคิดดูสิ !! ถ้าแม่ตรวจให้

แล้วลูกจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำผิดตรงไหน แล้วตอนสอบเวลาลูกทำผิด จะรู้ไหมว่าผิดตรงไหน ลูกต้องฝึกตรวจความถูกต้อง

ด้วยตัวเอง เรียนรู้ด้วยตัวเอง เ พ ร า ะในห้องสอบไม่มีใครช่วยลูกตรวจได้ “

จำไว้นะลูกว่า…ตอนลูกอยู่ในโรงเรียน ลูกจะได้รับบทเรียนก่อน แล้วถึงได้ทำข้อสอบ แต่สำหรับในโลกความจริง…

ลูกจะต้องเจอบททดสอบก่อน ถึงจะได้บทเรียน!!

การที่เธอขี้เกียจสอนการบ้าน หรือช่วยลูกทำการบ้าน ทำให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มากที่สุด ลูกจะได้รู้จักพึ่งพาตัวเองก่อน

ที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ หากคิดไม่ออกหรือทำไม่ได้ ค่อยมาขอคำแนะนำจากแม่ได้

ผลปรากฎว่า : สำหรับพ่อแม่ที่มีนิสัยขี้เกียจตีกรอบความคิดให้ลูก แต่ปล่อยให้ลูกคิดเองอย่ างอิสระ หรือทำทุกอย่ างด้วย

การตัดสินใจของตัวเองได้อย่ างอิสระ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังให้ความสนใจลูกและคอยดูอยู่ห่างๆ จะทำให้ลูสามารถ

เผชิญกับปัญหาได้ดี เขาจะมีภูมิคุ้มกัน มีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้วันหนึ่งคุณจะไม่ได้อยู่ปกป้องเขา

แล้วก็ตาม

2 : ขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

พ่อแม่ต้องขี้เกียจตามเก็บกวาดให้ลูกทุกอย่ าง ควรปล่อยให้เขารู้จักพึ่งพาตัวเองบ้าง บางสิ่งที่ลูกสามารถทำเองได้ไม่จำเป็น

ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยทุกครั้งไป เช่น ห้องนอนลูกที่ดูไม่เป็นระเบียบ แค่เตือนให้เขารู้ตัวว่าต้องทำ แต่ไม่ต้องไปทำให้ลูก

เราควรจะเน้นไปที่การสอนให้ลูกดูแลความสะอาดบริเวณพื้นที่ส่วนรวมของบ้าน เช่น ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร

และเมื่อลูกเห็นว่าพื้นที่อื่นในบ้านสะอาด เขาจะรู้สึกว่า เขาต้องทำความสะอาดห้องนอนตัวเองให้สะอาดเหมือนกัน

ผลปรากฎว่า : เมื่อพ่อแม่ขี้เกียจช่วยเหลือลูกในบางเรื่อง ส่งผลให้ลูกฝึกทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองมากขึ้น และเป็นการฝึกนิสัย

พึ่งพาตัวเอง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งรอบตัว และจะทำให้ลูกมีความรับผิดชอบต่อตัวเองมากขึ้น เมื่อเขาโตไปจะกลายเป็น

คนที่สามารถรับผิดชอบได้ดี รู้จักหน้าที่ของตัวเอง

3 : ขี้เกียจบ่น ให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ใ น หลาย ครอบครัวคนเป็นพ่อเป็นแม่ มักจะตั้งความหวังไปที่ลูกมากจนเกินไป จนทำให้ลูกอึดอัดและกดดัน กลายเป็น

ไม่สนใจ และ ไม่อย ากฟัง สิ่ง ที่ เรา จะพูด แต่สำหรับครอบครัวนี้ เขากลับใช้เวลาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในการชวนลูก

มาเล่นเกม และไม่ต้องทำการบ้านโดยคุณแม่จะถามว่า ” ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง? “ลูกตอบว่า… ” ขอเล่นอีก 30 นาที “

แม่ตอบกลับไปว่า… ” โอเค ต้อง รั ก ษ า คำพูดนะ “

เมื่อถึงเวลา 30 นาที แม่เดินกลับมาดู และยังเห็นลูกเล่นเกมอยู่ คุณแม่ก็รู้สึกไม่พอใจ แต่ยังสงบอารมณ์ได้ และพูดกับลูก

อย่ างใจเย็นว่า ” ปกติลูกเป็นคน รั ก ษ าคำพูดไม่ใช่หรอ…? “

เมื่อลูกได้ฟังคำพูดของแม่ ก็เริ่มรู้สึดผิดต่อสิ่งที่ทำ และเดินไปปิดสวิทช์ และ รีบไปทำการบ้านทันที…!!

นี่เป็นสาเหตุมาจาก ” การเป็นคนน่าเชื่อถือ “ ของคุณแม่ท่านนี้ เ พ ร า ะเวลาคุณแม่รับปากอะไรกับลูกไว้ เธอก็จะทำตามนั้น

ได้เป๊ะๆ ไม่เคยผิดคำพูดกับลูก เช่น จะพาลูกไปเที่ยว จะซื้อของเล่นให้ เธอก็ทำตามคำพูดได้ทุกครั้งมันแสดงให้เห็นว่าคุณ

แม่ท่านนี้เป็นคนที่ให้วคมาสำคัญกับการ รั ก ษ า คำพูดเป็นอย่ างมาก เมื่อรับปากอะไรไว้ ก็ต้องทำให้ได้ และสอนลูกให้

รู้จักรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเอง แล้วคำพูดก็เลยดูศักดิ์สิทธิ์

ผลปรากฎว่า : พ่อแม่ที่ไม่บ่นเรื่อนเปื่อย แต่ใช้วิธีปลูกฝังจิตสำนึกให้ลูกแทน ใช้เหตุผลในการคุยกับลูกมากกว่าอารมณ์

สอนให้ลูกรู้จัก รั ก ษ า คำพูดของตัวเอง และทำตามที่พูดไว้อย่ างเคร่งครัดทำให้ลูกให้ความสำคัญกับคำพูดมากโดยที่

เราไม่ต้องไปบ่นให้เขามากมาย เขาสามารถสำนึกและคิดได้เอง

ถ้าอย ากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ

ถ้าอย ากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น

ถ้าอย ากให้ลูกมีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จัก รั ก ษ า คำพูด

ถ้าอย ากให้ลูกพูดเ พ ร า ะ และ มีมารย าท ต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน

บางคนมักจะรักลูกแบบผิดๆ ไม่อย ากให้ลูกต้องลำบาก จึงไม่ยอมให้ลูกได้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง จนลูกกลายเป็นคนที่

ทำอะไรเองไม่เป็น ลูกมีหน้าที่เรียนก็เรียนอย่ างเดียว แต่ในชีวิตจริง ความรู้ในตำราอย่ างเดียวก็ใช้ไม่ได้ ต้องอาศัย

ประสบการณ์ชีวิตในการเอาตัวรอดด้วย

ไม่ว่าคุณจะรวยแค่ไหน มีเงินเหลือมากพอที่จะทำให้ลูกสุขสบายไปทั้งชีวิตแต่ถ้าไม่สอนให้เขาเติบโตได้เองอย่ างเข็มแข็ง

เขาก็ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง เ พ ร า ะฉะนั้น..จงสอนให้เขารู้จักความลำบาก และเรียนรู้การแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

เป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และ ต่อสังคมให้ได้

Load More Related Articles
Load More By Life
Load More In ข้อคิดดำเนินชีวิต
Comments are closed.

Check Also

ผู้ประเสริฐ ผู้ยอดเยี่ยม นี่แหละคือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับลูกๆ

ชาย ผ้ า ถุ ง ของแม่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้ไม่ต้องปลุ … …