Home ข้อคิดดำเนินชีวิต (ฝากไปถึงพ่อแม่ทุกคน) อย่าใช้เงินทุ่มกับการศึกษาลูกจนเกินไป เพราะสิ่งที่คิดไว้ อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

(ฝากไปถึงพ่อแม่ทุกคน) อย่าใช้เงินทุ่มกับการศึกษาลูกจนเกินไป เพราะสิ่งที่คิดไว้ อาจไม่ใช่อย่างที่คิด

3 second read
0
15,448

ก็เข้าใจนะว่า…

ทุกวันนี้การศึกษามันคือ อนาคต ความหวัง ที่จะช่วยพลิกโอกาสให้ลูกคุณได้

และหลายๆครอบครัวจึงทุ่มเททุกสิ่งที่มีให้ลูก ไม่ว่าจะเป็นเงิ น ทอง และเวลา

เพื่อแลกกับการให้ลูกได้เข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ ส่งลูกเข้าคอร์สติวสอนพิเศษ

ต่างๆมากมาย จนลืมไปว่าควรพัฒนาทักษะด้านอื่นควบคู่กันไปด้วย

– เมื่อลูกเราอายุได้ 2 ขวบ

เราส่งลูกเข้าเนอสเซอรี่ หมดค่าใช้จ่ายไปประมาณปีละ

8 หมื่นกว่าๆ เพียงแค่คิดว่ากลัวลูกจะพัฒนาไม่ทันเพื่อน

เรียนไม่ทันเพื่อน กลายเป็นว่าเราส่งลูกไปติดห วัดที่โรง

เรียน เพราะวัยนี้ภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรงพอ แล้วไหน

จะเสี่ ยงที่จะต้องเจอกับเนอสเซอรี่ที่ไม่ดี พี่เลี้ยงที่สอบ

แบบผิ ดๆอีก กลายเป็นพฤติกร รมตัวอย่างที่ซึมซับมาโดย ไม่รู้ตัวนั่นเอง

– เข้าอนุบาลยันประถม

พ่อแม่ก็จัดเต็มทั้งในและนอกหลักสูตรให้ลูก ต้องส่งลูก

กวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเข้า ป.1 และเสริมด้วยวิชาคณิต

ว่ายน้ำ อังกฤษ จีน ฯลฯ เพราะก ลั วว่าลูกตนเองนั้นจะ

เก่งไม่เท่าเพื่อน กลัวจะน้อยหน้าข้างบ้าน แต่หารู้ไม่ว่า

จิตนาการต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะนำพาให้ลูก

นั้นเติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จได้ใน

อนาคต แต่คุณกำลังบังคับให้เรียนมากมาย ทำนู่น ทำนี่

ฝึกนั่นนี่ การที่พ่อแม่ทำเช่นนี้นั้นเป็นการปิดกั้นพัฒนาการ

ในด้านการจินตนาการ และการฝึกคิดไปโดนอัตโนมัติ

เรากลัวว่าลูกจะไม่เก่ง แต่ไม่เคยถามความรู้สึกของลูก

จริงๆ ว่าเขาฝันอย ากเป็นอะไร หรือเพียงแค่เพราะว่าเรา

แค่ยัดเยียดความฝัน ที่เราทำไม่สำเร็จ ความล้ มเหล วที่

เราทำให้พ่อแม่ผิ ด หวังไปไว้ที่ลูก ให้เป็นคนที่ประสบความ

สำเร็จ เพื่อมาชดเชยปมความล้ ม เห ล วในอดีตของเรา

– ขึ้นมัธยมอมเปรี้ยว

คราวนี้เริ่มหนักเลย เพื่อที่จะให้ลูกสอบได้คะแนนดีๆ เพื่อ

ใช้เข้ามหาลัยดี ๆ ได้ ให้ลูกเรียนพิเศษทุกเย็นหลังเลิกเรียน

เสาร์ อาทิตย์ จัดเต็มวัน ปิดเทอมไม่มีพัก ส่งลูกเรียนซัมเมอร์

ออสเตรลีย ยุโรป บางทีลูกก็ไม่ได้อย ากไปเลย แต่พ่อแม่นี่

แหละอย ากให้ไป บางบ้านหมดเงินปีละ 6-7 แสน เพียงเพื่อ

ให้ลูกได้เรียนในสิ่งที่คิดว่าดี ยังไม่ทันเข้ามหาลัยกดไปเป็นสิบล้าน…!!!

– วัยทำงานคือ “ โลกแห่งความเป็นจริง ”

พอส่งลูกเรียนจบ ก็คาดหวังว่าลูกฉันเลี้ยงมาอย่ า งพิเศษ

เลี้ยงมาอย่ างดี ไม่ลำบาก ดังนั้นจะจ้างลูกฉันมันก็ต้องแพง

กว่าสิ นี่ฉันหมดค่าส่งเรียนไปสิบกว่าล้านเลยนะ

และปัญหาก็คือ… คุณค่าของใบปริญญา

ที่พ่อแม่ กับ นายจ้าง มองไม่เท่ากัน

พ่อแม่ชาวไทย ตีค่าใบปริญญาลูกรักสูงมาก เพราะเราอยู่ใน

กระบวนการจ่ า ยเงินจริงมาอย่ างย ากลำบาก ยาวนาน 20 ปี

นายจ้าง กลับตีค่าไม่สูงเท่า นายจ้างกลับมีคำถามใหญ่ 3 คำถาม คือ

1. ลูกคุณทำอะไรเป็นบ้าง

2. ลูกคุณเคยทำอะไรสำเร็จมาบ้าง

3. ลูกคุณจะมาสร้างความสำเร็จอะไรให้ที่นี่

อย่ าลืมว่ายุคนี้คือยุคที่เปิดกว้าง

– คนอินเดีย ปากี

พร้อมจะบินมาทำงานที่กรุงเทพ เพื่อเขียนโค้ด พวกเขาเขียนโปรแกรมเก่ง

ยังกับคลอดออกมาจากคอมพิวเตอร์ แถมขยันขันแข็งราวกับหุ่น ย นต์ด้วย

– คนฟิลิปปินส์ อินโด มาเลย์

พร้อมจะบินมาทำงานที่กรุงเทพ พวกเขาเก่งภาษาอังกฤษ ลอจิกดี คุมงาน

เป็นหัวหน้าโปรเจคต์ พรีเซนต์ดี ไม่แพ้ฝรั่ ง

– คนจี น

ไม่ต้องพูดถึง ความขยันอ่าน ขยันขายของ ขยันพบลูกค้า ใจสู้ ไม่ยอมแพ้

ง่ายๆ โดนด่ าไม่ยุบ พวกนี้คือ ยอดเซลล์แมน

แต่กับคนไท ย…

ปริญญามหาลัยมันเริ่มจะเบลอๆ ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนรุ่นพ่อแม่ แน่นอนว่าย่อม

มีบางคนได้ไปต่อจนเจริญรุ่งเรืองโกอินเตอร์…แต่ก็มีจำนวนมากที่แป้กตั้งแต่ อายุยังน้อย

ความเห็นส่วนตัวนะ..

ถ้าพ่อแม่ชาวไทย ( ส่วนหนึ่ง ) ที่ลงทุนกับการศึกษาลูกด้วยเงินจำนวนมากๆ

ลองปรับแนวคิดสักเล็กน้อย ลองประหยัดเงินบางส่วน แล้วนำเ งิ นก้อนเดียวกัน

มาเริ่มทำธุรกิจให้ลูกๆ ในช่วงปิดเทอมให้ลูกได้ใช้จะดีกว่ามั้ย ?

ความพย าย ามลองผิ ดลองถูก ริเริ่ม สร้างสรร เป็นผู้ประกอบการ ในยุคสมัยที่

อาชีพการงานไม่เป็นใจในอีก 10-15 ปีข้างหน้า ลองเผื่อเวลาจากการศึกษาที่จัดเต็ม

ให้เขาได้ลองเรียนรู้ ริเริ่ม ลองเขียนหนังสือลองเขียนโปรแกรมสร้างแอพ ลอง design

ลองรับงานแปล ลองขายของ ลองลงทุน ฯลฯ

จนท้ายที่สุด ให้พวกเขาได้ลองหาเ งิ นด้วยตัวเองให้ได้ก่อนที่จะเข้าเรียนมหาลัย

ถ้าเขาสามารถส่งตัวเองเรียนได้ หรือ มีรายได้มาแบ่งเบาภาระเรื่องค่าการศึกษาได้

บ้าง อันนี้จะช่วยพัฒนาเขาได้ ไม่แพ้การศึกษาในระบบที่แสนแพง พ่อแม่ได้ภูมิใจ

ลูกได้ฝึกภูมิต้านทาน และ ความแกร่ง เพราะเงิ นเพียงอย่ า งเดียวไม่สามารถซื้อ

สมองให้ลูกคุณได้ ซึ่งนั่นหมายถึง สมองจริงๆ ไม่ใช่คะแนนสอบที่สูงลิ่ว แต่คิดอะไร

เองไม่ได้ เริ่มต้นทำอะไรเองไม่เป็น อันนั้นไม่ได้เรียกว่าฉลาด แต่เรียกว่าท่องจำเก่ง

แล้วนำไปทำข้อสอบได้ มันคงจะดีกว่านี้สำหรับลูกคุณถ้าทั้งเก่ง ในข้อสอบและเก่ง ในทักษะชีวิตจริง

ขอขอบคุณ เรื่องราวดีๆ จาก นิ้วโป้ง Fundamental VI

Load More Related Articles
Load More By kondee
Load More In ข้อคิดดำเนินชีวิต
Comments are closed.

Check Also

รถสี่คัน กับครูแปดคนที่ต้องเจอในชีวิต (ให้ข้อคิดดีมาก)

“ รถสี่คันในชีวิต ” รถเข็นเด็ก รถจักรยาน รถยนต์ รถเข็นค … …