4 เรื่องการเงินสำหรับเด็ก
การสอนเรื่องเงินให้เด็ก ไม่ใช่แค่ “หยอดเหรียญลงหมูออมสิน” เท่านั้น แต่มันครอบคลุม
อย่ างน้อย 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่
หนึ่ง..ออมเงินได้ (Saving)
สอง..ใช้เงินเป็น (Spending)
สาม..หาเงินเก่ง (Earning)
สี่..ต่อเงินงอกเงย (Investing)
นี่ คือความรู้เรื่องการเงิน 4 ด้านที่สำคัญที่สุดที่จะปลูกฝังความรู้พื้นฐานต่าง ๆ ให้กับลูกหลาน
ส า มารถสอนผ่านการปลูกฝังเป็นขั้นตอนตั้งแต่วัยอนุบาลถึงมหาวิทย าลัย โดยตั้งเป้าหมาย
เ มื่ อ ลู ก เ รียนจบมหาวิทย าลัย เขาจะได้ความรู้พื้นฐานด้านการเงินมาผนวกกับวิชาในสาย
อาชีพที่เรียนมาจากมหาวิทย าลัยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่พร้อมดูแลชีวิตของตนเอง
อย่ างมั่นใจ
อั น ที่ จ ริ ง ยั ง มีความรู้เรื่องการเงินขั้นที่สูงกว่าด้านอื่น ๆ อีกหลายเรื่อง เช่น ค่าเสียโอกาส
(opportunity cost) การทำงบประมาณเพื่อประเมินสภาพคล่อง (Budgeting) หรือการเรียน
รู้สินค้าทางการเงินชนิดต่าง ๆ (Investment Product) ฯลฯ
ก า ร สอนเรื่องเงินโดยพ่อแม่ เราควรทำให้เป็นธรรมชาติ และเรียบง่ายที่สุด ซึ่ง “ออมเงิน
ใช้เงิน หาเงิน และต่อเงิน” คือความรู้จำเป็นขั้นพื้นฐาน เหมือนปัจจัยสี่นั่นเลยทีเดียว
1 : ออมเงินได้ (Saving)
คือการสอนให้ลูกรู้ว่า จงอย่ ารีบใช้เงินทั้งหมดที่มีในทันที เราสามารถเก็บออมมันไว้สำหรับ
อนาคต และมันเป็นเรื่องดีงามที่ลูกมีเงินออมพ่อแม่สามารถเริ่มสร้างความเข้าใจพื้นฐานให้
กับลูกตั้งแต่วัยอนุบาล ด้านการมัธยัสถ์อดออม รู้คุณค่าของเงิน เช่น พ่อแม่สอนให้เด็กเล็ก
เ ริ่ ม นำเหรียญหยอดกระปุกและเก็บรักษากระปุกนั้นให้ดีด้วยตัวเอง ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
ไม่ ได้สอนอะไร … แต่ที่จริงแล้วมันมีความหมายทางการเงินสูงกว่านั้น และเป็นจุดเริ่มต้น
ที่ ดี เ พ ร า ะเด็กเล็กจะเริ่มเรียนรู้และจดจำว่า เงินเป็นสิ่งมีคุณค่า กระปุกคือทรัพย์สินชิ้น
ใ ห ญ่ ข องเขา และกระปุกที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ คือทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่า การออมเงินหยอด
เ ห รี ย ญ ลงกระปุกคือการสร้างคุณค่า สร้างได้ทุกวันและเห็นความก้าวหน้าอย่ างเป็น
รูปธรรม นี่คือวินัยการออมเริ่มต้น ที่ควรเริ่มจากที่บ้าน
และ เ มื่ อลูกโตขึ้นสู่วัยประถม พ่อแม่ควรแนะนำ “ธนาคาร” ให้ลูกรู้จัก พาลูกไปเปิดบัญชี
ออมทรัพย์ที่ธนาคาร ให้เขาแคะกระปุก นับเหรียญ แลกแบงก์ แล้วยื่นฝากเงินเอง การได้
เ ห็ น สมุดบัญชีเงินฝากที่มีตัวเงินเพิ่มขึ้น จะให้ความรู้สึกก้าวหน้า สร้างความภูมิใจ และ
ยังสอนเรื่องของดอกเบี้ยเงินฝากได้อีกทางหนึ่งด้วย
2 : ใช้เงินเป็น (Spending)
คือการสอนให้ลูกรู้ว่า การใช้เงินคือการนำเงินสด ไปแลกสินค้า/บริการกลับมา ในเมื่อเงิน
เป็นสิ่งมีค่า ดังนั้น สินค้า/บริการ ที่ลูกตัดสินใจซื้อต้องมีคุณค่าและเหมาะสมคุ้มค่าต่อทุก
การใช้จ่ายด้วย“ละเอียดในการใช้เงิน”เช่น พ่อแม่เปรียบเทียบราคาสินค้าทุกครั้งก่อนซื้อ
ใช้คูปองลดราคาอย่ างชาญฉลาด มีการนับเงินทอนทุกครั้งก่อนเก็บใส่กระเป๋าสิ่งเหล่านี้
คือความละเอียดพื้นฐานในการใช้เงินทั้งสิ้น
“อย่ าใช้เงินเกินตัว” ไม่ใช่อย ากได้อะไรแล้วพ่อแม่ต้องซื้อให้ทั้งหมด และแน่นอนว่าเด็ก
เล็กอาจจะยังไม่เข้าใจว่าของเล่นที่เขาอย ากได้ทำไมพ่อแม่ไม่ซื้อให้ดังนั้นการสอนเรื่อง
“รู้ จักการยับยั้งชั่งใจ” เป็นสิ่งจำเป็น พ่อแม่อาจจะต้องอธิบายถึงความไม่คุ้มค่าในการซื้อ
ข อ ง ชิ้ นนั้น หรืออาจจะสร้างทางเลือกในการใช้ เช่น อาจจะเล่นของเล่นชิ้นอื่นที่มี หรือ
อา จจะแลกของเล่นที่มีกับเพื่อน ๆ ลูกต้องเห็นภาพของทางเลือกต่าง ๆ แทนการใช้เงิน
แก้ปัญหา รวมถึงประโยชน์ของการใช้เงินอ ย่ างมีคุณค่า
“ลองให้ลูกบริหารเงินเอง” เมื่อเด็กโตขึ้นสู่วัยประถมปลายถึงมัธยม การให้เงินลูกใช้เป็น
รายสัปดาห์หรือรายเดือนเป็นอีกวิธีหนึ่งในการสอนเรื่องการบริหารและความรับผิดชอบ
ท า งการเงิน เมื่อเขาได้ตัดสินใจใช้เงินนี้ไปกับอาหารกลางวัน ขนม การ์ตูน กิฟท์ หรือ
ของเล่นหน้าโรงเรียน พ่อแม่ควรสอนแนะนำลูกถึงความคุ้มค่าไปพร้อมๆกันและเมื่อลูก
อย ากได้ของชิ้นใหญ่อะไรซักอย่ าง เราอาจให้เขาทำแผนการใช้จ่ายเงิน ว่าจะใช้เงิน
อย่ างไรให้เหมาะสม ที่จะมีเงินเหลือเก็บออมไว้ซื้อของที่ต้องการได้
3 : หาเงินเก่ง (Earning)
คื อ ก า รสอนให้ลูกรู้ว่า ถ้าการใช้เงินคือการนำเงินสดไปแลกสินค้า/บริการ…การหาเงิน
ก็ คื อ ก า ร ที่ตัวเราต้องทำงานสร้างสินค้า/บริการที่มีผู้คนต้องการ ไปขายเพื่อแลกเงิน
ก ลับมาเช่นกันเด็กเล็กต้องเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าเงินไม่ใช่สิ่งที่งอกได้เองบนต้นไม้ และ
ไ ม่ ไ ด้ไหลออกมาจากตู้ ATM แต่เงินเป็นสิ่งที่ต้องทำงานสร้างสินค้าและบริการขึ้นมา
ข า ย แ ล กเงิน หมอให้บริการทางการแพทย์ ทนายความให้บริการทางกฎหมาย วิศวกร
โยธาให้บริการสร้างบ้าน เชฟสร้างสินค้าที่เป็นอาหาร ฯลฯ มีอาชีพเป็นร้อยเป็นพันอาชีพ
ที่สร้างเงินได้ บางอาชีพต้องใช้วุฒิการศึกษา บางอาชีพไม่ต้องใช้ บางอาชีพได้เงินน้อย
บา งอาชีพได้เงินมาก บางอาชีพคือเทรนด์อนาคต บางอาชีพกำลังถูกดิสรัปชั่น ฯลฯ ให้
ข้อมูลลูกเรื่องการหาเงินและอาชีพการงานไว้สุดท้ายเขาจะเชื่อมโยงความสนใจกับการ
ศึกษาและเลือกในสิ่งที่ต้องการได้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ พ่อแม่เล่าให้ลูกฟังได้เสมอ
4 : ต่อเงินงอกเงย (Investing)
คือการสอนให้ลูกรู้ว่า การลงทุนคือการวางเงินลงในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในระยะ
ย าว การลงทุนที่ดีจะช่วยผ่อนแรงในการสร้างความมั่งคั่งได้
คนสมัยก่อน เมื่อมีเงินออมจำนวนหนึ่งเขาจะนำไปลงทุนซื้อ “ทองคำ” เก็บเอาไว้ เ พ ร า ะ
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าในระยะย าวและยังสามารถใช้งานเป็นเครื่องประดับได้อีก
ด้ ว ย เราจะเห็นชุมชนเก่าหลายแห่งมักจะมีร้านขายทองตั้งอยู่กลางชุมชนเลย และวันเงิน
เดือนออก คือ วันที่คนแน่น
ใ น ส มั ย ต่ อ ม า เมื่อมีเงินออมมากขึ้นจำนวนหนึ่งเขาจะนำไปลงทุนซื้อ “ที่ดิน” เก็บเอาไว้
เ พ ร า ะ ที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าในระยะย าว และยังสามารถใช้งานต่อยอดสร้างเป็น
โกดังให้เช่า หรืออพาร์ทเม้นท์ให้เช่า รับรายได้เป็นเงินไหล (Passive Income) ได้อีกทาง
หนึ่งด้วย
ในยุคสมัยนี้ สินทรัพย์เพื่อการลงทุนมีมากมาย นอกจากทองคำและอสังหาฯ ก็ยังมีหุ้นไทย
หุ้นต่างประเทศ หุ้นธีมเทคโนโลยี หุ้นธีมการแพทย์ กองรีท กองโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ใน
วัยมัธยมถึงมหาวิทย าลัยพ่อแม่สามารถปลูกฝังไอเดียในการลงทุนโดยเริ่มจากสิ่งที่เข้าใจ
ง่ายและเป็นหลักการขั้นพื้นฐาน เช่น การมีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุน ไม่เน้นเก็งกำไรในสิน
ทรัพย์เสี่ยงสูง แต่ให้เน้นทยอยลงทุนระยะย าวในสินทรัพย์ที่เติบโต เข้าใจเรื่องอัตราดอก
เ บี้ ย ท บ ต้ น เ ข้ าใจเรื่องเงินปันผลที่ได้จากหุ้นและกองทุน เข้าใจเรื่องความเสี่ยงของ
สินทรัพย์ลงทุนชนิดต่าง ๆ ฯลฯ โดยที่ยังไม่เน้นการนำเงินจริงไปลงทุนก็ได้เช่นกัน
สอนลูกเรื่องเงิน มี 4 เรื่องสำคัญ โดย อธิป กีรติพิชญ์
“ลู ก ไ ม้ ย่ อ มหล่นไม่ไกลต้น” หัวใจของการสอนลูกเรื่องเงินที่ดีที่สุด คือ การที่พ่อแม่เป็น
ตัว อย่ างทางการเงินที่ดี เ พ ร า ะลูกจะซึมซับพฤติกรรมและทัศนคติทางการเงินจากพ่อแม่
โดยไม่รู้ตัว แม้การพร่ำสอนนั้นสำคัญ แต่การกระทำเป็นตัวอย่ างที่ดีนั้น ชัดเจนและน่าจดจำ
ในหัวใจลูก ยิ่งกว่าสิ่งใดเสมอค่ะ