
จะช่วยคนอื่นไปทำไมกัน? ในเมื่อชีวิตเราก็ไม่ได้ดีขึ้นสักนิด’
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นเสมอ เราเกิดมาเป็นทารกที่ต้องการคนอื่นดูแล แม้ตอนเราโตขึ้นเรา
ก็ยังต้องการความรักความเอาใจใส่จากคนอื่น ในบทความนี้เรามาดูกันครับว่า ทำไมเราต้องช่วยเหลือคนอื่น และถ้าเราช่วยคน
อื่นจนตัวเองลำบาก…ดีจริงหรือเปล่า
ทำไมเราต้องช่วยเหลือคนอื่น
การช่วยเหลือคนอื่นทำให้เรามีความสุข ความสุขนี้มาจากความเป็นมนุษย์ที่ถูกสร้างมาให้เป็นสัตว์สังคม สังคมเราพัฒนาได้ถ้า
ทุกคนช่วยเหลือกัน และรางวัลเบื้องต้นที่จูงใจให้ทุกคนช่วยเหลือคนอื่นก็คือความสุขจากการให้หากมองในรูปแบบของสังคม
มนุษย์ เราช่วยเหลือกันก็เ พ ร า ะว่า ‘มันสะดวก’ มากกว่า ในสมัยก่อนมนุษย์เรา ‘แบ่งงาน’ กันทำ เช่นมีคนออกไปล่าสัตว์ มีคน
อยู่บ้านดูแลเด็ก แล้วก็มีคนออกไปทำนา ทุกคนมีเวลาจำกัดต่อวัน แต่ถ้าเราแบ่งงานกันทำ คอยช่วยเหลือกัน ทุกคนก็จะ ‘ได้
กำไร’ จากสังคมแบบนี้ในสังคมปัจจุบันคุณอาจจะคิดว่าเงินสามารถซื้อความสะดวกได้ แต่ถ้าเราดูความเป็นจริงแล้ว เรายังต้อง
‘พึ่งพาอาศัย’ คนอื่นเสมอ หากเราป่วยเราก็ต้องพึ่งหมอ หากเราอย ากกินข้าวเราก็พึ่งชาวนา สังคมเราแค่ลดความสำคัญของ
การ ‘สำนึกบุญคุณ’ จากการช่วยคนอื่นผ่านสิ่งที่เรียกว่าการซื้อขาย ‘เงิน’ เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกของ
การแลกเปลี่ยนสินค้าเท่านั้นแต่ต่อให้เรานำปัจจัยของเงินออกไป หรือสิ่งคนเรียกกันว่า ‘การช่วยฟรีๆ’ เราก็จะเห็นได้ว่าการช่วย
เหลือคนอื่นก็ยังจำเป็นอยู่ดีทั้งในเชิงสังคมและเชิงจิตใจของคุณเอง สำหรับคนที่สนใจระบบสังคมที่พึ่งพาช่วยเหลือกันผม
แนะนำให้อ่านบทความเรื่อง Socialism หรือระบบสังคมนิยม ที่อธิบายถึงกลไกการอยู่ด้วยกันของมนุษย์นะครับ
5 ประโยชน์ของการช่วยเหลือผู้อื่น
การให้เวลา เงิน หรือพลังงานของเราไปกับคนอื่นเป็นสิ่งที่ทำให้โลกของเราดีขึ้นทุกวัน และการให้ก็ทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นด้วย
งานวิจัยทางวิทย าศาสตร์ได้อธิบายไว้ว่าการให้เพื่อสังคมทำให้เรามีความสุข มีสุขภาพดีขึ้นและทำให้เรารู้สึกเติมเต็มมากขึ้น
และนี่คือ 5 ประโยชน์ทางวิทย าศาสตร์ของการช่วยเหลือคนอื่น
1 : การช่วยคนอื่นทำให้เรามีอายุยืนย าวขึ้น
หากคุณอย ากมีอายุที่ยืนย าวขึ้นให้ลองแบ่งเวลาไปอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่นดูครับ การทำกิจกรรมพวกนี้สามารถช่วยพัฒนา
สุขภาพเราได้ งานวิจัยระบุไว้ว่าคนที่ทำอาสาสมัครหรือเป็นจิตอาสามีทักษะในการบริหารความเครียดมากกว่าคนทั่วไป และนั่น
ก็หมายความว่าโอกาสในการเป็นโรคซึมเศร้าก็มีน้อยลงด้วย การช่วยคนอื่นทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้นและถ้าเราทำ
เรื่องแบบนี้ทุกวันสุขภาพจิตของเราจะดีขึ้นและสุขภาพร่างกายของเราก็จะแข็งแรงตามขึ้นมาการอาสาสมัครทำให้เรารู้สึกเหงา
น้อยลงและทำให้ชีวิตทางสังคมของเราดีขึ้น ซึ่งทั้งสองอย่ างนี้ทำให้สุขภาพระยะย าวของเราดีขึ้นครับ
2 : การช่วยเป็นเหมือนโรคติดต่อ
เวลามีใครทำความดี ความดีครั้งแรกก็จะกระจายและเติบโตไปเป็นความดีครั้งที่สองและสาม งานวิจัยที่หนึ่งได้ระบุไว้ว่าคนส่วน
มากอย ากทำความดีเ พ ร า ะได้เห็นคนอื่นทำความดีเหมือนกัน เราอยู่ในสังคมที่เชื่อมหากันได้ง่ายและการสร้าง ‘แรงบันดาลใจ’
เล็กๆน้อยๆแต่ละวันจะทำให้สังคมเราดีขึ้น
3 : ทำให้เรามีความสุข
มีงานวิจัยของประเทศอเมริกาวิเคราะห์ไว้ว่าคนที่อธิบายตัวเองว่า ‘มีความสุขมาก’ จะทำการอาสาสมัครมากกว่าคนทั่วไปมากถึง
5.8 ชั่วโมงต่อเดือน การช่วยคนอื่นทำให้ร่างกายเราหลั่ง ‘สารแห่งความสุข’ เช่นฮอร์โมนที่เรียกว่า เซโรโทนิน (serotonin)
มากขึ้นด้วย ยิ่งเราช่วยเหลือมาก ยิ่งเราเข้าสังคมในแง่บวกมาก เรายิ่งมีความสุข
4 : ทำให้ความดันโลหิตต่ำลง
หากคุณเป็นคนที่มีปัญหาโรคหัวใจ หมอทั่วไปก็คงบอกให้คนเลิกทานอาหารบางอย่ างหรือลดเวลาทำงานลงบ้าง แต่คุณก็ควร
แบ่งเวลามาทำกิจกรรมช่วยคนอื่นบ้าง รายงานวิจัยระบุไว้ว่าผู้สูงอายุที่ทำอาสาสมัครอย่ างน้อย 200 ชั่วโมงต่อปี สามารถลด
ความเสี่ยงการเป็นโรคความดันสูงได้ถึง 40% เลยทีเดียว โดยเหตุผลก็คงเ พ ร า ะว่าบุคคลพวกนี้มีโอกาสเข้าสังคมมากขึ้น
ซึ่งช่วยลดความเหงาและความเครียดที่ตามมาได้
5 : สร้างความหมายในชีวิตให้ตัวเอง
หลายคนคงเคยมีโมเม้นที่ถามตัวเองว่า ‘เกิดมาเพื่ออะไรกันนะ’ งานวิจัยระบุไว้ว่าการช่วยเหลือคนอื่นและการทำอาสาสมัครทำ
ให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่เรากำลังหมดเป้าหมายในชีวิตเช่นการเป็น ‘พ่อแม่’ หรือ ‘มนุษย์เงินเดือน’
เป็นต้นเราจะเห็นได้ว่าการช่วยเหลือคนอื่นมีข้อดีเหนือรางวัลทางจิตใจ แต่การอาสาสมัครกับการช่วยเหลือคนรอบข้างก็มีความ
แตกต่างนิดหน่อย การให้คนรอบข้างหรือการให้ในสังคมใกล้ตัวเราส่วนมากจะมีการ ‘หวังผลตอบแทน’ ไม่มากก็น้อย และสิ่งที่
เรากลัวก็คือการที่เราให้ความหวังดีใครไปแล้วแต่เรากลับไม่ได้คืนมาหากเป็นกรณีพวกนี้เราควรทำยังไง และเราควรรู้สึกยังไงดี