
เช็กลิสต์ 6 ข้อผิดพลาดในการบริหารเงิน ของคนมีคู่ ที่ต้องรีบแก้ไข ก่อนที่ ‘คนรัก’ จะเปลี่ยนสถานะเป็น ‘คนอื่น’
สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงเมื่อ ‘วาเลนไทน์’ เวียนมาอีกครั้ง คือ ‘ความรัก’ ระหว่างหนุ่มสาวที่กำลังผลิบาน หรือแม้
แต่การถือโอกาสนี้เริ่มต้นชีวิตคู่ฉันท์สามีภรรย าอย่ างเป็นทางการ
ทว่า เรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร แม้แต่คู่รักที่หวานฉ่ำก็ยังมีปัญหาถึงขั้นเลิกราได้เ พ ร า ะเรื่องนี้
การให้ความสำคัญในการบริการเงินสำหรับคนมีคู่ จึงเป็นเรื่องที่ควรวางแผนและเริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆ
กับการปลูกต้นรัก
“ไม่เคยคิดว่าชีวิตต้องเลิกกับแฟนเ พ ร า ะเงิน”
“คนเป็นแฟน เลิกกันเ พ ร า ะสาเหตุเรื่องเงิน เยอะไหมครับ…”
“เคยเหนื่อยใจจนคิดอย ากจะเลิกกับแฟน เ พ ร า ะเรื่อง เงิน กันมั้ยคะ”
ชื่อกระทู้ในเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นหน้าแรกของกูเกิลเมื่อลองค้นหาคำว่า “เลิกกัน เ พ ร า ะเงิน” ที่สมาชิก
ส่วนหนึ่ง ตั้งขึ้นเพื่อบอกเรื่องราวเป็นอุทาหรณ์และขอความเห็นจากสมาชิกคนอื่นๆ ในเรื่องที่คล้ายคลึงกัน
เมื่อค้นหาสาเหตุของปัญหา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของสมาชิกที่สะท้อนออกมา ก็พบว่า ปัญหาทางการเงิน
2 เรื่องหลัก 6 เรื่องย่อย ที่พบบ่อยในกลุ่มคนมีคู่ และเคยเป็นชนวนที่อาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์
ที่คนมีคู่ต้องรู้ และรีบจัดการก่อนสายเกินแก้
ไม่วางแผนการเงิน
หลายคู่บอกประสบการณ์และเป็นที่ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องเงิน ด้วยสาเหตุส่วนตัวของแต่ละคน ทว่า
การไม่คุยกันเกี่ยวกับเรื่องเงิน ทำให้ไม่สามารถวางแผนการเงินในการใช้ชีวิตคู่ได้อย่ างที่ควรจะเป็น เช่น
-ไม่มีการวางแผนภาระ ค่าใช้จ่าย
หลายคู่เริ่มต้นความรักด้วยวิถี ‘ผู้ชายสายเปย์’ มีอะไรจ่ายให้หมด แต่เมื่อก้าวเข้ามาใช้ชีวิตในบ้านเดียวกัน มี
ความรับผิดชอบทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับกินอยู่ในชีวิตประจำวัน ภาระอื่นๆ อย่ างค่าผ่อน
บ้าน ผ่อนรถ ชำระหนี้สินต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น จนอาจจะเกินกว่าจะแบกรับคนเดียวไหว
เมื่อไม่มีการตกลง หรือวางแผนให้ชัดเจนตั้งแรก ภาระอาจเทไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เมื่อเอ่ยปากขอความ
ช่วยเหลือหรือท้วงติงเรื่องการจัดการเงินภายหลัง อาจกระทบความรู้สึก และเป็นชนวนจุดความขัดแย้งที่
กระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะย าวได้
อย่ างไรก็ตาม แต่ละคู่อาจแบ่งภาระหน้าที่ในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามที่พึงพอใจ และสอดคล้องกับ
รายได้และภาระอื่นๆ ที่ต้องรับผิดชอบ หรือหากคู่ไหน ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่ าง
ก็ย่อมได้ แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า นั่นเป็นความสบายใจของทั้งคู่ และทำได้จริงในระยะย าว
-ไม่มีแผนระยะสั้น ในกรณีฉุกเฉิน
ร่วมทุกข์ ร่วมสุข คือความคาดหวังจากคู่ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่มีหลายคู่ที่ต้องยอมสละความสัมพันธ์ เมื่อเกิด
เหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินมาเกี่ยวข้อง เ พ ร า ะไม่มีการวางแผนการเงินระยะสั้น เมื่อเกิดปัญหาจึงกลาย
เป็นการกระทบกระทั่งขึ้นได้การเริ่มต้นชีวิตคู่จึงไม่ใช่แค่ การบริหารเงินในชีวิตประจำวันให้ลงตัว แต่ต้อง
วางแผนการเงินระยะสั้นในกรณีฉุกเฉินไว้อย่ างรัดกุม
เช่น ทยอยแบ่ง 10% ของเงินเดือนทั้งคู่ เพื่อเก็บเป็นเงินก้อนนี้ไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น โดยตั้งเป้า
อย่ างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในแต่ละเดือน เช่น แต่ละเดือนต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รวมค่าใช้จ่าย
อื่นๆ ในแต่ละเดือนอยู่ที่ 30,000 บาท ควรมีเงินสำรองในกรณีฉุกเฉิน(ไม่รวมเงินเก็บสำหรับอนาคต)
อย่ างน้อย 180,000 บาท (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยแต่ละเดือน 30,000 x 6) เพื่อใช้จ่ายในกรณีที่ไม่มีรายได้
กะทันหัน มีเหตุที่ต้องใช้เงินก้อนด่วน เป็นต้น
-ไม่มีแผนในอนาคต
‘อยู่ด้วยกันแล้วเหมือนไม่มีอนาคต’ ความรู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้นได้ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่าไม่มีความมั่นคง
ในชีวิต ซึ่งนอกจากเรื่องความสัมพันธ์แล้ว ส่วนใหญ่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นจากเรื่องเงิน เมื่อความมั่นคงในชีวิต
มีเงิน เป็นส่วนประกอบ
ดังนั้น นอกจากการวางแผนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเตรียมเงินฉุกเฉินแล้ว อีกเรื่องที่ไม่มีไม่ได้ใน
การบริหารเงิน คือ ‘วางแผนการเงินสำหรับอนาคต’ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องเกิดขึ้นทันทีที่เริ่มต้นชีวิตคู่
การวางแผนการเงินระยะย าว อาจมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป บางคู่อาจเตรียมแผนสำหรับมีลูกใน
อีก 5 ปีข้างหน้า ซื้อบ้านใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้า ฯลฯ ขึ้นอยู่กับความต้องการ
แต่แผนที่ทุกคู่ควรมี และต้องมี คือการวางแผนสร้างเงินก้อนไว้ใช้ “หลังเกษียณ” ซึ่งต้องแยกกับเงินสำรอง
ฉุกเฉิน และเงินระยะย าวอื่นๆ โดยอาจเริ่มต้นจากการแบ่งเงินเดือน 20% ของทุกๆ เดือนสำหรับฝากออม
ทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุน หุ้น หรือลงทุนอื่นๆ ตามความเข้าใจและความเสี่ยงที่รับได้เพื่อให้เงินส่วนนี้
ค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกับการเวลาเพื่อนำไปสู่ “การเกษียณสุข” และความรู้สึกมั่นคงทางการเงินของ
ทั้งคู่ เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อวันหนึ่งวันใดมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างยังมีเงินประคับประครอง
ชีวิตของตัวเองได้แบบไม่ลำบาก
ใส่ใจเรื่องเงินๆ ทองๆ มากไป จนลืมใส่ใจความรู้สึก
-คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเงิน เปรียบเทียบกับคนอื่น
‘ทำไมเธอจ่ายน้อยกว่าตลอด’
‘แฟนคนอื่นเลี้ยงตลอด ไม่เห็นต้องบอก?’
คำพูดบั่นทอนความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้เรื่องเงินเป็นเรื่องที่คู่รักควรคุยกันเพื่อวางแผน และอัปเดต
กันอยู่ตลอดเวลา แต่ในบางกรณีการทวงถามมากเกินพอดี ไม่ยอมไม่มียอมเกิน คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเงิน
ระหว่างกันจนมากเกินไป จะกลายเป็นเรื่องระแคะระคายใจซึ่งกันและกัน แม้ดูเป็นเรื่องเล็กแต่นี่คือจุดเริ่ม
ต้นของรูรั่วความสัมพันธ์ที่อาจทำให้ต่อกันไม่ติดอีกเลยก็ได้
-บริหารความมั่งคั่ง จนลืมบริหารความสัมพันธ์
เมื่อความรับผิดชอบมากขึ้น ภาระหนี้เพิ่มขึ้น มีส่วนให้หลายคู่ต้องทุ่มเทในการทำงาน และเน้นเรื่องการทำรายได้
จนอาจลืมเวลา “ไม่มีเวลาให้กัน” แม้ปัญหานี้จะเริ่มต้นจากความหวังดีในการหาเงินมาจุนเจือครอบครัวให้มีเงิน
ใช้คล่องมือ อยู่สบาย แต่เมื่อโหมจนเหนื่อยล้าเกินไปในระยะย าว จนกลายเป็นจุดเปราะบางของชีวิตคู่ ที่
หลายคนยกมาเป็นเหตุผลก่อนแยกทางกัน เ พ ร า ะฉะนั้นระหว่างที่บริหารความมั่งคั่งแล้ว อย่ าลืม
ความสัมพันธ์ในครอบครัวให้งอกเงยไปพร้อมๆ กัน
-ใช้เงินตามใจตัวเองเกินไป
สาวๆ กับการช้อปปิ้ง ผู้เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ปาร์ตี้ หนุ่มๆ กับรถยนต์ เกม เที่ยวกลางคืน ฯลฯ
ใครจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ตราบใดที่เริ่มใช้เงินไปกับความชอบส่วนตัวของตัวเองเพียง
ฝ่ายเดียวอย่ างเดียวอาจนำไปสู่ปัญหา
บางคนเพลิดเพลินกับการใช้เงิน จนถึงขั้นเข้าสู่วงจรการพนัน ลามไปถึงการเป็นหนี้ที่ไม่จำเป็น การเงินใน
ครอบครัวต้องสะดุด ทำให้การเงินพังไม่เป็นท่าไปพร้อมๆ กับความสัมพันธ์
หลายคู่หาทางออกให้เรื่องนี้ด้วยการตัดเงินสำหรับใช้สนองไลฟ์สไตล์ของทั้ง 2 ฝ่ายเท่าๆ กันทุกเดือน
เพื่อไม่ให้ไปรบกวนแผนการเงินอื่นๆ ที่วางไว้
จะเห็นได้ว่า ‘เรื่องเงิน’ แทรกอยู่ทุกจังหวะชีวิต และเป็นปัญหาได้ทุกเมื่อหากไม่จัดการให้ดี ดังนั้น ‘คนมีคู่’
ทั้งหลาย อย่ าลืมหาวิธี บริหารเงิน และบริหารความสัมพันธ์ให้ดีอยู่เสมอ เ พ ร า ะการเงินกับความรัก
เหมือนกันตรงที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต