หยุดหน่อยไหม จะได้ไม่ต้องทำไม่ดีกับตัวเอง
เวลาไหนที่คนเราจะทำไม่ดีต่อตัวเอง? ไม่นับรวมผู้มีปัญหาทางจิต หลัก ๆ ก็น่าจะมี 2 ช่วงใหญ่ ๆ คือ เวลาที่คน
สิ้นหวัง กับ กำลังสูญเสียสิ่งที่สำคัญในชีวิต ที่ไม่ว่ารายละเอียดจะแตกต่างกันอย่ างไร แต่ที่สุดแล้ว มันส่งผล
ให้จิตใจคนเราตกต่ำถึงที่สุดได้ ทว่าหลายคนก็ไม่ได้จิตใจย่ำแย่ขนาดนั้นแต่ก็กำลังทำไม่ดีทำลายหรือค่อยๆ
พังชีวิตตัวเองอยู่อย่ างช้า ๆ ได้เช่นกัน
เข้าใจก่อนว่า การทำไม่ดีต่อตัวเองในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงในเชิงทำไม่ดีต่อร่างกาย แบบหยิบ มี ดมาทิ่มตัวเองอะไร
เช่นนั้น แม้มันจะเกิดขึ้นได้ตามมาในภาวะจิตใจย่ำแย่ที่สุด แต่ในที่นี้ และส่วนใหญ่เป็นในเชิงที่เรามักค่อย ๆ ทำ
ไม่ดีต่อตัวเองกันเสียมากกว่า ยกตัวอย่ างที่ง่ายที่สุดก็เช่น การเอาแต่เมาเหล้า เมาย า…
สูญเสีย สิ้นหวัง
นึกไม่ออกว่านอกจากการ “สิ้นหวังกับสูญเสีย” แล้ว อะไรจะทำให้คนเราจิตใจย่ำแย่ได้มาก ๆ เ พ ร า ะแค่เรื่องสูญ
เสียก็ครอบคลุมมากมาย แต่เมื่อพิจารณา ส่วนใหญ่ สูญเสีย จะใช้กับ “สิ่งที่เรามีอยู่” และสิ้นหวัง ก็ใช้กับ
“สิ่งที่เรายังไม่ได้มา” โดยย่อมเป็นสิ่งมีค่าที่เราลงทุน ลงแรง ลงใจคาดหวังไว้มากมายนั่นเอง ซึ่งหลายครั้ง
มันก็คล้ายเป็นเรื่องเดียวกัน คือเสียสิ่งที่หวัง หรือหวังว่าจะไม่เสียไป…
การรับมือกับความสูญเสียนั้น แม้ที่จริงจะทำได้ย ากหากเกิดกับใครแต่ต้องทำอย่ างไรนั้นไม่ซับซ้อนคือต้องทำใจ
และปัจจัยคือเวลาเพียงเท่านั้น แต่ในคนสิ้นหวัง แล้วจะให้กับมามีแรง มีพลังใจได้เหมือนเดิมนั้น วิธีการช่างบอก
ย ากและแตกต่างกันในแต่ละคนอีกด้วยและยังมีคนที่ชีวิตไร้ความหวัง หรือค่อย ๆ สิ้นหวัง จึงปล่อยให้มันกัดกิน
จิตใจลงไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวันโดยที่เรานั้นอาจไม่รู้ตัวด้วยเหมือนกัน…
เป้าหมาย และความหวัง
จากที่กล่าวมาน่าจะทำให้ตรองได้ในมุมหนึ่งว่า ชีวิตที่ยังมีเป้าหมายและความหวัง เราย่อมไม่ยอมปล่อยให้อะไร
พังลงไป / และเหล่านั้นมันเป็นเพียงมุมที่อาจมีเรื่องราวหรือเหตุการณ์ส่ง “ผลกระทบรุนแรง” ต่อเราไม่ว่า
เป้าหมายหรือความหวังนั้นจะเป็น คน สิ่งของ ความสำเร็จ หรือสิ่งที่มีผลต่อจิตใจเราในด้านใดด้านหนึ่ง
เ พ ร า ะมันจะทำให้เรารู้สึกสูญเสีย หรือสิ้นหวังได้นั่นเองแสดงว่าถ้าเราไม่ต้องมีเป้าหมาย เราก็จะ
ไม่ต้องรู้สึกสูญเสีย สิ้นหวังสินะ..
เมื่อคิดต่อไปอีกหน่อย ในคนที่ไม่ได้มีเป้าหมายหรือความหวังใดจริงจัง และดูเหมือนใช้ชีวิตปกติธรรมดาในเวลา
ที่ชีวิตเราปกติ แล้วเราไร้ซึ่งเป้าหมาย ก็เหมือนเรากำลังไร้ความหวังใด ๆ ทว่ามองอีกทีนี่ชีวิตที่กำลังเลื่อนลอย
จนเราอาจเลือกไปใช้ชีวิตมักง่าย เ พ ร า ะไร้สิ่งจูงใจ หรือเติมเต็มหัวใจ อะไรที่ดูสุขง่าย ๆ เราจึงอย ากได้และ
คว้ามาก่อน เช่น เรื่องกิน เรื่องเฮฮา ปาร์ตี้ ที่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่กับคนที่ชีวิตต้องการแต่เรื่องนี้จะมีเวลาต่อเติม
ชีวิตด้านอื่นได้อย่ างไร… เริ่มทำไม่ดีต่อตัวเอง
อีกรูปแบบหนึ่ง เวลาได้สิ่งที่เคยเป็นเป้าหมาย เมื่อได้มาแล้วก็อาจเผลอทำลายลงไป เช่น เคยอย ากได้คนนี้
เป็นแฟน แต่มีเป้าหมายลึก ๆ เพียงแค่ ต้องการพิชิตใจ เอาชนะ (โดยไม่รู้ตัว) เมื่อได้มาเป็นแฟนแล้ว ก็ถือว่า
หมดเป้าหมายไป ส่วนลึกในใจจึงมีแรงกระตุ้นให้ อย ากไปพิชิตใจ คนอื่นต่อผลที่แท้จริงมันจะย้อนแย้งกัน
เ พ ร า ะการที่เราจะทิ้งใครนั้นมันย่อมเจ็บปวดเสมอ แต่บางคนก็เหมือนคนชอบทำไม่ดีต่อตัวเองเช่นนี้
โดยไม่รู้ตัว (และทำไม่ดีต่อคนอื่นด้วย)
คล้ายกันอีกตัวอย่ าง ที่บางคนเป้าหมายคือ ทำงานให้ได้เงินเดือนเยอะ พอได้เยอะจุดหนึ่งก็เหมือนหมดเป้าหมาย
ในงาน จึงพย าย ามไปใช้เงิน ใช้ชีวิตไปในทางที่คิดว่าสนุก ตื่นเต้น เป็นเป้าหมายเลื่อนลอยแทนที่ และที่สุดชีวิต
ก็ถดถอยลงไปตามระเบียบ
รวม ๆ แล้วในส่วนนี้ เมื่อเราหมดหรือไม่มีเป้าหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรให้หวัง เราก็ไม่ต่างจากคนสิ้นหวังที่อย าก
ทำไม่ดีต่อตัวเอง เพียงแต่มองผิวเผินมันอาจไม่ได้เข้าใจง่าย เ พ ร า ะส่วนหนึ่งเราแอบค่อย ๆ ทำไม่ดีต่อตัวเองโดย
ย ากจะสังเกตหรือรู้ตัวมันต้องใช้เวลาหรือเคยมีประสบการณ์มาจึงจะมองเห็น (คล้ายๆ เหตุผลที่เกิด Midlife crisis
หรือวิกฤติวัยกลางคน ก็ดูเป็นเ พ ร า ะอะไรที่ไม่ต่างกันจากนี้)
หยุดหน่อยไหม?
เหมือนบทความนี้กำลังจะเขียนแบบวนไปเวียนมา ก็เ พ ร า ะมันเป็นวัฏ (วัดตะ : วงกลม, วนเวียน) ที่ไร้ความพอดี
ชีวิตที่มุ่งเป้าหมายย่อมมีวันอาจทำให้สิ้นหวัง แต่ไร้ซึ่งเป้าหมายชีวิตก็ไร้ความหวังไม่ต่างกัน แล้วควรมี
หรือไม่ควรมีเป้าหมายดี?
มันก็คือความพอดี เราควรมีเป้าหมายไว้ไม่วาง แต่ในบางช่วงเวลา ควรพัก วาง ออกจากตรงนั้นไปบ้างในบางคราว
โดยอย่ างยิ่งเมื่อจิตใจเริ่มถดถอย เช่น หนีไปเที่ยว ไปทำงานอดิเรก ไปใส่ใจครอบครัว ไปลงทุนด้านอื่น ไปเล่น
เกมส์ ไปทำสิ่งใด ๆ ที่เกิดประโยชน์ก็ได้ หรือแค่ไม่ส่งผลเสียเกินไปนักก็ได้ แต่ให้ได้วางเป้าหมาย หรือความ
หวังลงไปก่อน
เ พ ร า ะเมื่อเรา “เลือกไปเอง” ในบางเวลาเช่นนี้ แสดงว่าเรามี “สติ” ที่จะถอยออกมาก่อนปัญหาจะเกิดเรา
ไม่ใช่คนกำลังไม่มีความหวังแล้ว เลื่อนลอยจนหาสุขง่าย ๆ ที่แอบทำไม่ดีต่อตัวเอง เราเลือกถอยก่อนความรู้
สิ้นหวัง (จากเป้าหมาย) จะมาทำไม่ดีกับเราได้ด้วยซ้ำในมุมหนึ่งก็เหมือนได้ฝึกปล่อยวางลองเสียเป้าหมาย
นั้นไปในตัวชั่วคราว ดีกว่าเราไปถึงจุดที่เราจะไม่รู้ตัว แล้วค่อย ๆ ทำไม่ดีต่อตัวเอง ทั้งความฝัน เป้าหมาย
และความหวังแบบที่ไม่มีพลังจะเรียกอะไรกลับมาอีกได้เลย…
อีกหนึ่งบทความที่น่าจะมีประโยชน์แง่คิดกับคนที่ติดบางอย่ างในช่วงนี้ หรือคุณคิดว่านี่เหมาะกับใคร จงบอกต่อ
ไปให้เขาอ่าน แล้วชวนกันไปหาอะไรไร้สาระทำกันบ้าง วางเป้าหมายลงไปชั่วคราว หยุดหน่อยไหม? ตอนนี้
ตอนที่สติยังอยู่กับเรา