หนึ่ง : ให้นึกถึงคนข้างหลัง ที่เขาจะต้องเศร้า ได้รับการกระทบกระเทือน จากการกระทำ
ด้วยอารมณ์ของเราเมื่อทุกข์ที่สุดมาถึงสิ่งที่เราต้องทำทันที (ในขณะที่ยังตั้งตัวปรับใจไม่ทัน)
สอง : อย่ ากลัวว่าความทุกข์นั้นจะมีตลอดไป เ พ ร า ะมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป เดี๋ยวมันก็จางไป
สาม : อย่ าคิดว่าไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้นได้ เ พ ร า ะจะมีทางแก้ไขเสมอ เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเท่านั้น
สี่ : อย่ านึกว่าต่อไปนี้เราจะไม่ได้รับสิ่งดี ๆ อีก เ พ ร า ะเมื่อทุกข์ผ่านไป เราจะยังมีความสุข สนุกสนาน ได้อย่ างเดิม
แน่นอน
ก็คือ… รีบหาทางเปลี่ยนอารมณ์เมื่อเราไปเจอคนอื่นทุกข์สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือช่วยเปลี่ยนอารมณ์´เขาก่อน จากนั้นสติ
จึงจะตามมาความทุกข์ที่มากสุดจะแก้ได้เร็วและง่ายที่สุด ด้วยการเปลี่ยนอารมณ์ ดึงอารมณ์ออกจากสถานการณ์นั้นก่อน
อาจง่าย ๆเพียงแค่ทำอะไรที่ชอบ ฟังเพลง ดูหนัง หาของอร่อยกิน ชวนเพื่อนไปเที่ยวชวนคุยเรื่องอื่น ลืมเรื่องทุกข์ไปชั่วคราว
ก่อน บางทีก็เบาบางได้เองที่สำคัญถ้ามีเพื่อนดี จะเบาบางไปได้มากที่สุด ที่ไม่ควรทำคือดื่มสุราเ พ ร า ะจะยิ่งทำให้โกรธง่าย
น้อยใจง่ายและโมโหง่ายกว่าเดิม และไม่มีสติยับยั้งความโกรธ หรืออารมณ์ที่รุนแรงเหล่านั้นเมื่อเปลี่ยนอารมณ์ได้ ใจจะ
เข็มแข็งมากพอที่จะแก้ในขั้นต่อไป ขั้นต่อไปคือ…พย าย ามตั้งใจใช้สติคิดว่าจะแก้ได้อย่ างไร อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล
สายไปแค่ไหนแล้วและแก้ได้หรือไม่ ทำให้ดีขึ้ได้หรือไม่ ถ้าแก้ไม่ได้ขั้นสุดท้ายคือ…ทำให้ใจของเรายอมรับ
สิ่งนั้นให้ ได้ ใจของเราจะยอมรับได้ คิดได้ ปลงตกได้ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ
บทสรุป
ทุกข์ที่สุดจะเกิดจาก ความยึดมั่นถือมั่นที่สุด สิ่งใดที่เรารักมากยึดมาก…ว่าเป็นตัวเราหรือของเรา สิ่งนั้นถ้ามันหายไป
จะทำให้ทุกข์ถึงที่สุดถ้าเรารักความสวยงาม …เมื่อเสียโฉมจะทุกข์ที่สุด ถ้าเรารักสามีหรือภรรย า …เมื่อเขานอกใจ
หรือเสียเขาไปจะทุกข์ที่สุด ถ้ารักลูก …ลูกหายหรือพิการหรือเสียชีวิตจะทุกข์ที่สุดถ้ารักยศถาบรรดาศักดิ์ …เมื่อสูญเสีย
จะทุกข์ที่สุด ถ้ารักตนเอง …เมื่อทราบว่าตนป่วยเป็นมะเร็ง เป็นเอดส์ หรือโ ร คที่รักษาไม่หายก็จะทุกข์ที่สุดแต่ถ้าเราไม่มี
สิ่งนั้นเลย ก็ไม่มีอะไรจะทุกข์กับสิ่งนั้น หรือถ้าเรามีแต่ทำใจไว้เสมือนไม่มีหรือทำใจไว้ว่าของที่มีมันไม่เที่ยงย่อมแปรปรวน
ไป ก็จะทุกข์น้อยลงยิ่งยึดมั่นได้น้อยลงเท่าไรก็ทุกข์น้อยลงเท่านั้นเป็นสัดส่วนไปเมื่อไม่ยึดมั่นก็ไม่ทุกข์เลยหมายความว่า
ไม่มีอะไรทำให้ทุกข์ใจได้อีกเลย แต่ความเ จ็ บ ป ว ดยังมีตราบเท่าที่มีสังขารร่างกายอยู่เพียงแต่ความทุกข์กายอันนั้น
จะไม่สามารถมากินใจให้ทุกข์ใจได้เลยความทุกข์ที่เกิดขึ้น มักเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนคิดจะทำความดีเ พ ร า ะธรรมชาติ
ของเราจะหลงลืมและเพลินในสุข ซึ่งความสุขส่วนมากที่เราชอบ มักจะตั้งอยู่บนความไม่เที่ยงทั้งสิ้นอย่ างเรา ๆ มักจะไม่คิด
เรื่องนี้จนกว่าจะทุกข์เสียก่อน เราจึงพบว่าคนจำนวนมากได้ประพฤติธรรมะ ได้ทำสิ่งดี ๆ แก่ตนและผู้อื่นเ พ ร า ะป ร ะส พ
กับความทุกข์มาแล้ว ดังนั้น เมื่อมีทุกข์นั่นคือเราได้อยู่ใกล้ธรรมะแล้ว ถ้าผ่านช่วงนี้ไปได้ก็มักจะมีสิ่งดีโอกาสดีและเราเอง
ก็จะดำรงอยู่ในความดีมากขึ้น ความทุกข์และความสุขเป็นของคู่โลกเช่นนี้มาตลอดเมื่อเราทุกข์หรือพบคนที่ทุกข์ อย่ าลืม
เปลี่ยนอารมณ์ ตั้งสติหาทางแก้ไข ใช้ความดีเอาชนะสิ่งไม่ดีทุกข์ย่อมไม่เที่ยง ย่อมผ่านไป เป็นธรรมดา และเราก็มีโอกาส
ที่จะได้รับสิ่งที่ดี ได้ปรับปรุงตนเป็นคนดีเสมอ