การฝึกยืนหยัดเพื่อตัวเองจะช่วยให้คุณควบคุมและออกแบบวิถีชีวิตตัวเองได้ ช่วยให้คุณเชื่อในพลังที่มีอยู่ในตัว และกล้าพอ
จะไปถึงฝันที่คุณตั้งไว้ยิ่งคุณรู้สึกเข้มแข็งเท่าไหร่ คุณก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามเท่านั้นมาฝึกเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นยืนเพื่อตัวเองไม่ว่า
จะสถานการณ์ใดก็ตามด้วย 10 วิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้
1 : จงมีสติเมื่อถูกรังแก ไม่ใช้อารมณ์แก้ปัญหา
เมื่อคุณโตพอและมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้นคุณก็จะต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญกับคนที่จ้องที่จะขัดขาคุณเป็นธรรมดาแน่นอน
ว่าคนที่มีนิสัยแบบนี้มีอยู่ทั่วไปและหาได้ไม่ย ากเลย เ พ ร า ะฉะนั้น หากมีคนจ้องจะรังแกคุณล่ะก็ คุณต้องควบคุมสติให้ดีอย่ า
สูญเสียความมั่นใจปล่อยให้ตัวเองสติหลุดจนโต้กลับไปแบบไม่ดีๆ แต่ก็อย่ ายอมตกเป็นเหยื่อให้อีกฝ่ายรังแกเพื่อความบันเทิง
เช่นกัน จงยึดมั่นในความถูกต้องและยืนหยัดเพื่อตัวเอง
2 : เปิดเผยและเป็นตัวของตัวเอง
แม้บ่อยครั้งจะเป็นเรื่องย าก แต่ถ้าคุณสามารถแสดงความเป็นตัวเองอย่ างเปิดเผยและตรงไปตรงมาได้ มันจะทำให้คุณรู้สึก
โล่งอกขึ้นอย่ างคาดไม่ถึง เ พ ร า ะบ่อยครั้งที่เรามักเก็บงำความคิดและตัวตนของเราไว้ภายใต้รอยยิ้ม มันต้องการการฝึกฝน
อย่ างค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นและเปิดเผยความรู้สึก ความคิดที่แท้จริงของคุณ ไม่โอนอ่อนตามคนอื่นและ
ปิดกั้นตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คุณเป็นเช่นนี้ได้ คนรอบข้างจะยอมรับฟังคุณมากขึ้น
3 : ก้าวเดินอย่ างช้าๆ แต่เข้มแข็ง
ถ้าการมั่นใจและกล้าแสดงจุดยืนของตนนั้นเป็นเรื่องย ากสำหรับคุณ ให้เริ่มฝึกอย่ างค่อยเป็นค่อยไป แม้ในเรื่องเล็กๆ อย่ า ง
การเดินอย่ างมั่นใจ ด้วยการเชิดหน้าและอกผายไหล่ผึ่งก็ช่วยทำให้คุณดูมั่นใจขึ้นมาได้ นำความมั่นใจแบบนั้นมาใช้เมื่อต้อง
ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น ถ้าต่อไปหากคุณรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องโดนแซงคิวต่อรอซื้อกาแฟสตาร์บัคส์ ให้ลองบอกคนเหล่านั้น
ด้วยความสุภาพให้เขาถอยไปต่อคิว หรือถ้าคุณถูกโกงบิลค่าใช้จ่าย ก็ให้รีบโทรไปแย้งทันที
4 : ค้นหาสิ่งที่เป็นปัญหารบกวนคุณ
การที่เราใส่ใจความคิดเห็นจากคนรอบข้างมากเกินไปย่อมทำให้ตัวเครียดและเป็นกังวลอย่ างมาก จงรวบรวมความกล้าเพื่อ
เผชิญหน้ากับสิ่งที่รบกวนใจคุณ แม้ว่าจะรู้สึกกลัว แต่มันจะทำให้คุณเข้มแข็งขึ้นแถมยังกำจัดปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยพึงระลึก
ไว้เสมอว่าไม่มีใครอ่านใจคุณได้ เ พ ร า ะฉะนั้น ถ้าคุณไม่พูดมันออกมา ก็ไม่มีใครรู้ได้
5 : อธิบายให้ชัดเจนโดยไม่ใช้อารมณ์
คนเรามักมีแนวโน้มจะคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก คุณอาจมองว่าคุณกำลังปกป้องตัวเองจากคนที่มีความคิดผิดๆ อย่ างสิ้นเชิง
แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องไม่ใช้อารมณ์ในการตอบกลับไป หายใจลึกๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง และอธิบายถึงมุมมองความคิด
ของคุณให้พวกเขาเข้าใจ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำเสียงหรือคำพูดที่กระแทกกระทั้นหรือเชิงกล่าวว่า อธิบายสิ่งที่ต้องการสื่อให้
ชัดเจน และที่สำคัญคือต้องรู้จักฟังอีกฝ่ายด้วย นี่แหละจึงจะทำให้เกิดการสื่อสารที่แท้จริง
6 : หมั่นฝึกฝน
เมื่อคุณเริ่มเข้าใจความหมายของการยืนขึ้นเพื่อตัวเองแล้ว นั่นคือเวลาที่คุณควรเริ่มฝึกออกปากแสดงความต้องการของตัวเอง
ให้บ่อยเท่าที่จะเป็นได้ หากคุณไม่เห็นด้วยกับคำพูดของใคร หรือ รู้สึกเหมือนถูกกดดัน ให้ทำในสิ่งที่ไม่อย ากทำ ก็ขอให้พูด
มันออกมา มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการสร้างลักษณะนิสัยใหม่อาศัยเวลาประมาณ 66 วัน เ พ ร า ะ ฉ ะ นั้น ลองฝึกนิสัยใหม่นี้สัก
2 เดือน แล้วคุณจะเปลี่ยนไปอย่ างไม่น่าเชื่อ
7 : พูดด้วยเจตนาที่ดี
เรามั่นใจว่าหลายคนต้องเคยประสบปัญหากับการอยู่ร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ค่อยจะรักษาความสะอาดสัก
เท่าไหร่ และคุณเองอาจจะเคยโกรธคนเหล่านี้อยู่หลายครั้งด้วยซ้ำแต่เลือกที่จะเงียบไว้ สุดท้ายคุณก็ทำความสะอาดเองเอง
เงียบๆ ด้วยความโกรธหรือไม่ก็พูดจาถากถางเพื่อนคุณลองกลับมาคิดดีๆ แล้วพูดกับเพื่อนคุณไปตรงๆ โดยไม่ต่อว่าตามด้วย
ให้คำแนะนำง่าย ๆ ที่จะทำให้ทุกอย่ างดีขึ้น เช่น “ ถ้าคุณช่วยทำงานนี้ให้เสร็จอีกสักนิดนึงนะ คุณจะช่วยเบาแรงงานอื่น
ของเราไปได้มากเลยแหละ ”
8 : ให้เวลากับตัวเองบ้าง
เวลาเป็นสิ่งมีค่าและมีอย่ างจำกัด แต่เรากลับไม่ได้ใช้ไปกับตัวเองเท่าที่ควรเ พ ร า ะความรู้สึกกดดันจากภาระหน้าที่ต่างๆ เช่น
เมื่อหัวหน้าของคุณบอกว่าโปรเจคนี้สำคัญมาก อย่ าให้สิ่งเหล่านั้นมากระทบวิถีชีวิตของคุณมากไป คุณสามารถออกแบบเวลา
ของตัวเองได้ เ พ ร า ะฉะนั้น จงปฏิเสธงานบ้างตามเห็นสมควร หรือปลีกตัวออกมาจากผู้คนหรือสถานการณ์ที่รบกวนตาราง
เวลาส่วนตัวของคุณ
9 : พึงระลึกไว้เสมอว่าไม่มีใครจะลดคุณค่าในตัวคุณได้
คุณคือเจ้าของความรู้สึกและการกระทำของคุณเอง ความเชื่อ อารมณ์ และความคิดล้วนแต่เป็นของคุณ ไม่มีใครจะล่วงรู้ถึง
ความรู้สึกของคุณดีไปกว่าตัวคุณเอง และก็ไม่มีใครทำให้ความคิดเห็นของคุณไร้ค่าได้ ลักษณะเดียวกัน หากคุณเอาแต่
จะโจมตีมุมมองความคิดของคนอื่น คุณก็จะไม่มีโอกาสได้เปิดใจพูดคุย กับพวกเขาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งใดๆ เลย
10 : จินตนาการช่วยได้เสมอ
คุณไม่อาจกลายเป็นคนที่กล้ายืนขึ้นเพื่อตัวเองได้ภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะสร้างความ
มั่นใจขึ้นมาได้ และในระหว่างนั้น คุณอาจใช้วิธีจินตนาการว่าตัวเองเป็นนักแสดงที่กำลังฝึกบทบาทใหม่เพื่อช่วยสร้างความ
มั่นใจ สมมุติว่าคุณเป็นคนที่มั่นใจและกล้าคิดกล้าทำมากๆ พวกเขาจะจัดการปัญหาต่างๆ ยังไง? แม้บางทีคุณอาจจะไฟแรง
มากจนเกินพอดี หรือไม่ก็พลิกกลับมาเป็นคนไม่กล้าทำอะไรเลยเสียอย่ างนั้น แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับการฝึก
ปั่นจักรย านนั่นแหละ สุดท้ายแล้วคุณจะหาสมดุลได้เอง