1. มีวินัยทั้งการทำงานและการเงิน
พวกเขาจะคอยสอนลูกให้ขยันทำงาน และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
มีวินัยทั้งการออมเงินและการลงทุน แม้รายละเอียดจะต่างกัน แต่
โดยมากจะสอนว่าการออมเงินอย่ างเดียวไม่พอ ต้องแสวงหาวิธี
ลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากขึ้นด้วย ถ้ารู้จักเก็บออมไม่ใช้เงิน
เกินตัวจนเป็นหนี้ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับ อ บ า ย มุ ข ทั้งหมดเป็นสิ่งที่คน
รวยสอนลูกเกี่ยวกับวินัยที่ต้องฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัยการออมเงิน
ฝากสะสม จะได้ประโยชน์ของอัตราด อกเบี้ย แต่กว่าจะสร้างความ
ร่ำรวยได้ต้องใช้เวลานาน พ่อแม่ที่ร่ำรวยจึงสอนให้ลูกรู้จักมองช่อง
ทางลงทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่ างงาม เช่น การลงทุนในที่ดิน หรือ
ทำธุรกิจที่คำนวณความเ สี่ ย งจากการวิเคราะห์และการประมวลผล
มาอย่ างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และจะต้องรับความเ สี่ ย ง ที่จะเกิดขึ้น
ให้ได้ และผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นก็จะแต กต่างอย่ างมหาศาล
2. ขยันอ่าน แสวงหาความรู้
เหล่าคนรวยมักชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดชีวิตด้วยการอ่าน
พวกเขาจึงสอนลูกๆ ให้มีนิสัยรักการอ่าน รู้จักขวนขวายหาความรู้
เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ แสวงหาแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อได้นำมาปรับใช้ใน
การดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจตลอดเวลา มีมุมมองและทัศนคติ
ที่หลากหลาย ทำให้มองเห็นโอกาสทำเงินมากกว่าคนอื่น ใช้เงิน
ทำงานให้ออกด อกออกผล เกิดแรงก ร ะ ตุ้ น ให้อยากทำชีวิตให้
ดีขึ้น และสร้างความสำเร็จได้ด้วยตนเอง
3. มีน้ำใจเอื้ออารี
ค่านิยมของเหล่าคนรวยคือการแ บ่ ง ปั น เผื่อแผ่ผู้อื่นที่ด้อยโอกาส
เป็นความสุขอย่ างหนึ่งของเศรษฐีเงินล้นฟ้า พวกเขาจะสอนลูกให้
มีจิตอาสา ชอบช่วยเหลือสังคม คิดอย่า งคนรวยแต่ไม่ใช้เงินอย่าง
คนรวยโดยเลี้ยงลูกให้เติบโตในบ้านหลังเก่าที่ไม่ได้หรูหราอะไรนัก
เพื่อให้เห็นว่าการเป็นคนรวยนั้นไม่ใช่การใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย เพื่อ
หน้าตา เพื่อเกียรติครอบครัวที่มีความรักและความอบอุ่นเป็นพื้นฐาน
สำคัญอย่ างยิ่ง เมื่อมีความสุขมากพอก็จะ แ บ่ ง ปั น ความสุขให้ผู้อื่นได้
4. ประหยัด ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือย
เหล่าลูกคนรวยไม่ได้มีชีวิตสุขสบาย หรือได้ทุกสิ่งทุกอย่ างจามที่
ต้องการเสมอไปนะ มหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์”
เขาสอนให้ลูกเป็นคนธรรมดา อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิม นั่งรถประจำ
ทางไปโรงเรียน อย ากได้อะไรให้เก็บเงินซื้อเอง เขาสอนลูกว่าควร
ทำสิ่งที่ตัวเองถนัด ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก สอนว่าความสำเร็จในชีวิต
คือการทำสิ่งที่ตัวเองรัก หากทำออกมาดี และได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก
เศรษฐีจำนวนไม่น้อยไม่ได้เกิดมาในชาติตระกูลของผู้มีอันจะกิน
ไม่ได้โชคดีเกิดมาบนกองเงินกองทอง จึงมักจะสอนลูกให้รู้จักคุณค่า
ของเงินที่หามาได้ สอนให้ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่ างคุ้มค่า รู้จัก
ทำมาหากิน มีหัวการค้าตั้งแต่เด็ ก คิดสร้าง เ นื้ อ สร้างตัวด้วยตัวเอง
ไม่หวังพึ่งพิงคนอื่น รวมทั้งมีนิสัยรักการแข่งขันและทุ่มเทเพื่อประสบความสำเร็จ
5. มีเป้าหมายชัดเจน
เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนล้วนปรารถนาให้ลูกประสบความสำเร็จ และมี
ความสุขที่ได้ทำสิ่งที่ตนเองรัก เงินก็สำคัญแต่ใช่ว่าเงินจะซื้อความ
สุขได้ทุกอย่ าง เป้าหมายทางการเงินเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายชีวิต
เท่านั้น เด็ กจะเข้าใจได้ว่าคนรวยไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่ างหรูหรา
แต่ควรใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบ พ่อแม่สอนลูกให้คิดอย่ างมีเป้า
หมาย รู้สิ่งที่ต้องการก่อน แบ่งย่อยเป็นเป้าหมายเล็กตั้งระยะสั้นถึง
ระยะยาว กำหนดสิ่งที่ต้องทำรายวัน เพื่อไม่ต้องเสี ยเวลากับสิ่งที่มัน
ไม่จำเป็น และเริ่มลงมือทำเพื่อก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ในทันที
6. ดูแลสุ ข ภ า พตัวเองแบบจริๆงจังๆ
คนรวยพวกเขาจะใส่ใจดูแล สุ ข ภ า พ ออกกำลังกายอย่ างสม่ำเสมอ
พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะเขาคิดว่าถ้ามี สุ ข ภ า พดีก็จะ ป่ ว ย น้อยลง
มีพลังกายในการทำงานหาเงินมากขึ้น เพราะเห็นว่าอาหารที่กินไปมีผล
ต่อชีวิต จึงพย าย ามเลือกอาหารที่ดีต่อสุ ข ภ า พ ให้ลูก ฝึกนิสัยกินข้าว
ตรงเวลา กินแต่ของมีประโยชน์ กินพอเหมาะเพื่อมิให้น้ำหนักเกิน ปรับลด
อาหารขยะ หรือพวกฟาสต์ฟู้ดส์ ซึ่งส่งผลไม่ดีต่อ สุขภ า พ ร่ า ง ก า ย
7. ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
จำไว้ว่าผู้ประสบความสำเร็จไม่เคยลืมครอบครัว ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน
ความสำคัญของครอบครัวจะมาเป็นอันดับแรกเสมอ เพราะพวกเขาจะรู้ดีว่า
เงินมากแค่ไหนก็ซื้อความสุขแลกกับครอบครัวไม่ได้ จึงทุ่มเทเวลาดูแลให้
ครอบครัวมีความสุข เศรษฐีแท้จริงไม่ได้รวยน้ำใจต่อคนอื่นเท่านั้น แต่ยังดู
แลปรนนิบัติพ่อแม่ ช่วยแบ่งเบาภาระและเลี้ยงดูยามแก่ ชราด้วยความรัก
ความห่วงใย พ่อแม่มักจะทำตัวอย่ างที่ดีให้ลูก ๆ เห็น โดยส่งผ่านความคิด
อันดี ให้ลูกหลานเหลียวแลพ่อแม่ยามแก่ชราเช่นเดียวกัน