ช่วยให้จิตเกิดสภาวะธรรมได้ง่าย ถ้าเราฝึกคิดเเบบนี้บ่อยๆ
1 : ระลึกว่าเราอาจลาจากโลกได้ทุกเมื่อ
ผู้ที่ระลึกเช่นนี้ จิตจะเกิดกำลังมาก เพระเป็นการกระตุ้นเตือนสัญชาติญานความกลัวภัยจะมาถึงตน จิตจึงจะหาที่พึ่งที่
เที่ยงเเท้ คือธรรมะนั่นเองการกระทำเช่นนี้บ่อยๆ จะช่วยให้ปฏิบัติธรรมก้าวหน้า เเละเข้าถึงสภาวะธรรมได้ไว
2 : ให้ระลึกว่าร่ายกายไม่ใช่ของเรา
จริงๆเเล้วมันเป็นคำสอนปกติ ในพุทธศาสนา ที่สอนให้ระลึกถึงความเป็นอนัตตาทุกๆคนสามารถระลึกได้ เเต่มักจะไม่เกิด
ความชัดเจนพอที่จะทำให้เกิดสภาวะธรรมเเต่ถ้าเมื่อใดสามารถรู้ได้ว่าร่างกายเป็นเเค่ก้อนๆหนึ่ง ที่เดินไปมาสภาวะเช่นนี้
คือการไม่ยึดกายการจะเกิดสภาวะเช่นนี้ได้ ต้องใช้การรับรู้เเยกผ่านทางการรับรู้ทางใดทางหนึ่งเป็นเวลานานๆ จนเกิด
ความรู้ในใจว่า จิตกับกายมันเเยกกัน
3 : คิดให้เเยบคาย
ถ้าใครที่มีความเเยบคายในการคิดพิจารณาทางธรรมสูง ก็ต้องหมายความว่าผู้นั้นๆรับรู้เหตุปัจจัยตามความเป็นจริงซึ่งความ
เเยบคายนี้จะมีส่วนช่วยอย่ างมากในการเข้าถึงธรรมะขั้นสูง การฝึกเบื้องต้น เมื่อเราตื่นมาให้ระลึกว่าเราฝันว่าอะไรถึงสิ่งใด
เรื่องราวเป็นอย่ างไรเเละให้มาทบทวนย้อนเหตุปัจจัย ว่ามันเอาความจำช่วงไหนไปปรุงเเต่งในฝันบ้างการทำเช่นนี้จนเห็น
ว่าการฝันเป็นเพียงสิ่งปรุงเเต่งจากความจำจะช่วยเพิ่มความเเยบคายทางจิต
5 ข้อชีวิตคุณอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คำสอนดีๆ จากพระพุทธองค์
พระพุทธองค์ทรงสอนพวกเราว่า..
1 : ไม่ว่าเราได้พบเจอใคร เขาเหล่านั้นคือคนที่เราจะต้องได้พบเจอ ไม่มีใครเข้ามาในชีวิตเราด้วยเหตุบังเอิญ
2 : ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวใดๆ ขึ้นในชีวิตเรามันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิด ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ดี ไม่มีเรื่องใดที่บังเอิญเ พ ร า ะ
เราก็เคยทำอย่ างนี้กับเขามาก่อนเมื่ออดีตชาติ
3 : เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น เกิดเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาใด นั่นคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ควรเกิด เ พ ร า ะมัน
ต้องเกิด ต่อให้คุณเตรียมตัวหรือไม่ได้เตรียมตัว เมื่อปัจจัยถึงพร้อม สิ่งเหล่านั้นก็จะเกิดขึ้นในทันที
4 : เมื่อปัจจัยจบ ต้องยอมรับว่าจบ อย่ าเหนี่ยวรั้ง อย่ าเอาแต่อาลัยอาวรณ์ ขอให้รู้ว่าเมื่อสุดมือสอยก็ให้ปล่อยมันไปกล้า
เผชิญในสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่องดีๆ กำลังรอคุณอยู่ข้างหน้า
5 : ทำความดีในปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วไม่ต้องสนใจว่าเราเคยทำกรรมอะไรมาบ้าง เ พ ร า ะคิดไปก็เปล่าประโยชน์เราทำ
อะไรกรรมเก่าไม่ได้แล้ว แต่ผู้มีปัญญาจะคิดว่า กรรมใหม่ดีๆ มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำและควรทำได้บ้าง แล้วจึงทำ สรุปกรรมดี
ในปัจจุบันสำคัญที่สุด
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาบุญทุกท่านพร้อม ทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ทุกๆท่านจากนี้เพิ่มเติม
ค่อยๆ อ่านให้เข้าใจ แล้วส่งต่อไปให้คนที่คุณรักอ่านกันด้วยนะ คนเราที่เจอกันไม่ใช่เรื่อง “บังเอิญ” อยู่ที่ “บุญ” ที่เคยร่วม
ทำกันมา เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกันเมื่อสิ้นวาสนา? ก็ต้องจากกันไป? รั้งอย่ างไรก็ไม่อยู่ ดังนั้น?..
ในตอนที่เรา?ยังไม่จากกันเราได้กระทำดีต่อคนที่แวดล้อมเราแล้วหรือยัง? เ พ ร า ะเมื่อหมด “สัญญากรรม” แล้ว? ไม่ว่า
เราจะมีเงินหรือ มีอำนาจจนล้นฟ้า ก็ไม่สามารถเรียกร้อง กลับคืนมาได้? และไม่รู้ว่าจะกี่ภพกี่ชาติถึงจะได้เจอกันอีก