1 : ไม่เคยจดเรื่อง “เงิ น” ของตัวเอง
เข้าห้องประชุมก็จดนายสั่งงานก็จด ไปฟังสัมนาก็จ ดจดทุกเรื่องที่ทำเพื่อคนอื่น แต่หลายคนไม่เคยแม้แต่จะจดเรื่อง“ เ งิ น ”
ของตัวเองทั้งที่ เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเองแท้ๆเพียงเพราะคิดว่าเรารู้อยู่แล้วว่ารับจ่ายออม เท่าไหร่จริงอยู่ที่เราอาจรู้ความเคลื่อนไหว
เ งินที่เข้า-ออกในกระเป๋า แต่นั่น อาจเป็นแค่ก้อนใหญ่ๆเท่านั้น ( งินเดือน-หนี้บัตร เครดิต(รวม)–หนี้บ้านต่อเดือนฯลฯ)
แต่รายจ่ายจิปาถะกาแฟขนมเสื้อผ้าอุปกรณ์ต่างๆหรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายปลีกย่อย ก่อนจะรวมเป็นหนี้บัตรเครดิตก้อนใหญ่
หลายคนไม่เคยแม้แต่จ ะสนใจและนั่นก็เป็น“รูรั่ว”เล็กๆแต่สร้างผลกระทบยิ่งใหญ่ต่อสถานะการเ งิน โดยที่เราไม่รู้ตัว
2 : เป็นสาวกเทคโนโล ยี
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เทคโนโลยีแล้วล่ะก็ จะรู้เลยว่าไม่มีวันหยุดสำหรั บอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งเราวิ่งตามเท่าไหร่ เ งิ น
ก็จะยิ่งไหลออกจากกระเป๋ามากขึ้นเท่านั้น และ นั่นก็ทำให้รายได้ที่มากขึ้น “ไม่เคยพอ” ต่อการตามเทรนด์เหล่านี้ไม่ผิด
ถ้าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ ไม่แปลกถ้าจะมีอุปกรณ์คู่กายไม่ใช่เรื่องเกินจำเป็นหากจะมีอุปกรณ์พกพามากกว่า 1 ชิ้น
เพี ยงแต่เราต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราซื้อให้เต็มที่ และคุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ
3 : ไม่เคยตั้ง“งบประมาณ”ใน การใช้ เ งิ น
บริษัทก็ยังมีงบการ เ งิ น ทำโปรเจค ยังต้องมีประมาณ กา รณ์ค่าใช้จ่ายเรื่องการ เ งิ น ส่วนบุคคลก็เช่นกันหลายคนไม่เคย
ตั้ง “งบ ประมาณ” การใช้ เ งิ น เลย จะช้อปปิ้งปีใหม่ จะเที่ยว จะซื้อเสื้อผ้าก็จัดเต็มและสุดท้ายก็เกินความจำเป็น
เกินกำลังทรัพย์ของตัวเอง และกลายเป็ น“หนี้” ในท้ายที่สุดวิธีการที่ง่ายกว่าก็คือ “ตั้งงบประมาณ” การใช้ เงิ น ทุกครั้ง
เช่น จะซื้อของวาเลนไทน์ ให้คนรักไม่เกินกี่บาท,จะไปเที่ยวทริปกลางปี งบประมาณรวมเท่าไหร่ หลังจากนั้นยึดมั่นกับสิ่งที่
ตั้งไว้ทำตามแผนไม่ใช้เกินงบ รับ รองว่าเราจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป ได้อย่ างง่ายดาย
4 : แยกไม่ออกว่า“จำเป็น”หรือ“ต้องการ”
วิธีการแยกง่ายที่สุด ก็คือต้องรู้ ว่าสิ่งไหนต้องมี (จำเป็น) ขาดไปแล้ว จะใช้ชีวิตไม่ได้ อย่ างเช่นปัจจัย 4 หรือสิ่งไหนมีก็ดี ไม่มีก็ได้
ขาดไปแล้วยังใช้ชีวิตได้แต่ถ้ามีแล้วชีวิตจะดีขึ้น เช่นอาหารจานหรู เสื้อผ้าแบรนด์เนม หรือสิ่งไหนไม่จำเป็นต้องมี
แต่ถ้าแยกไม่ได้และเอาอารมณ์เ ป็นที่ตั้งอาจเป็นเหยื่อภาพลวงของ“ความจำเป็น” มันจะทำให้เรามีแต่จ่าย กับจ่ายไม่มีที่สิ้นสุด
5 : คิดว่า“เร็วเกินไปที่จะออม เ งิ น ”
ในวันที่เรายังตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัว อันนู้นก็ใช่อันนี้ก็อย ากได้อันนี้ก็ กำลังมองหา ภาพลวงของ“ความจำเป็น” ผุดขึ้นมาตร งหน้า
และทำให้เราเสียทรัพย์อยู่เสมอ ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นแค่“ความต้องการ”มีก็ ดีไม่มีก็ได้
เลิกผัดวันประกันพรุ่งแล้วเริ่มออม เ งิ น เดี๋ยวนี้จะสิบร้อยพันหมื่นก็ถือว่า เราได้เริ่มต้นแล้ว หลังจากนั้นสร้างวินัยให้กับตนเอง
ด้วยการออมต่อเนื่องสม่ำเสมอแม้จะไม่อย ากออมก็ตาม เพราะวินัยคือ การทำสิ่งที่ “ต้องทำ”แ ม้จะ “ไม่อย ากทำ ”ก็ตาม
6 : ไม่สนใจ “หนี้”
น้อยคนนักที่จะ“ไม่มีหนี้”แต่คนมีหนี้จำนว นมาก กลับให้ความสำคัญกับการ “ชำระหนี้” น้อยมากหรือบางคนไม่ ให้ความสำคัญ
กับการจัดการหนี้เลย และนั่นก็ย่อมทำให้เขาเหล่านั้น ตกอยู่ในวังวนข อง“หนี้”อย่ างไม่มีทางหลุดพ้นได้ เพราะเมื่อได้ เ งิ น มา
ก็มัวแต่สนุก กับการใช้จ่าย กระทั่ง ด อ ก เบี้ย(หนี้)ทบต้นไปเรื่อยๆในทางตรงกันข้าม คนที่ อย ากรวยจะ“กลัวหนี้”
มาก พวกเขาจึงให้ความสำคัญ กับ “หนี้” เป็นอันดับแรก เมื่อมีรายได้เข้ามา ก็จะรีบชำระหนี้ก่อน สิ่งอื่นใด
จนกระทั่งเป็นไทปลด ระวางหนี้ได้สำเร็จ
7 : ไม่สนใจ“อนาคต”
เมื่อเจอกับปัญหาหลายคน เลือกที่จะเดินหนี หันหลังให้ หรือบ่ายเบี่ย งไปทำอย่ างอื่นและปัญหาก็ยังคงกองอยู่ตรงหน้าเหมือนเดิม
แถม อาจหนักขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤติได้ในอนาคตในเรื่องของการเ งิ นก็เช่นกันหลายคนสนใจ กับความสุขในวันนี้กินอิ่มป าร์ตี้สนุก
เที่ยวบ่อยใช้ให้เต็มที่ทั้งที่รู้ว่ายังไม่มีเ งิ นเก็บสำหรับอนาคต ไม่มีเ งิ น สดสำหรับย ามฉุกเฉิน ไม่เคยวางแผนการ เ งิ น ไม่เคย
แม้แต่จะลงมือ ทำและปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหาเช่นเคย คงดีกว่าไม่น้อยถ้าการตัดสินใจใช้ เ งิ น ทุกครั้ ง เราได้ฉุกคิดถึง
“อนาคต”บ้างบ้านผ่อนหมดยังหนี้บัตรเครดิตจ่ายเต็มวง เ งิ น แล้วใช่ มั้ย? เ งิ น ก้อนที่ตั้งใจเก็บตอนนี้ได้เท่าไหร่
เกษียณที่ว่าต้องใช้ เ งิ น เยอะเรา มีแค่ไหนแล้ว? หัดอดเปรี้ยวไว้กิ นหวานบ้าง
8 : ใช้เงิ น เพิ่มขึ้น
ไม่ผิดหรอกถ้ าคิดว่า“อย ากมีชีวิตที่ดีขึ้น” แต่อย่ าลืมว่าชีวิตที่ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องมากับรายจ่าย ที่มากขึ้นเพียงอย่ างเดียว
ลองใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น เลิกเป็นนักสะสมแค่นี้ก็ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เพรา ะถ้าได้ เ งิ น เดือนเพิ่มแล้วใช้จ่ายเพิ่ม
(มากกว่า เ งิ น เดือนที่เพิ่ม)สุดท้ายอาจได้แค่ “อย าก”มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะพฤติ ก รร ม มือเติบอาจก่อให้เกิด
ปัญหาตามม าโดยเฉพาะหนี้สิน ที่พอกพูนแบบไม่ทันตั้งตัว