1. ตื่นเช้า มาถึงก่อน เริ่มตั้งแต่อายุน้อย
ในเรื่องของการลงทุนนั้นการเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย
เป็นสิ่งที่จะทำให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
และเป็นเศรษฐีได้ง่ายที่สุด ถ้าคุณสามารถค้นพบ
ตัวเองว่าเก่งทางไหนตั้งแต่อายุน้อย ความสำเร็จก็
จะไม่หนีไปไหน
2. รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
หากเรารู้จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเองจะดีมาก ที่สำคัญ
เราต้องรู้ด้วยว่าอะไรคือความสามารถหรือความเชี่ยว
ชาญที่สุดของตัวเอง ถ้าคุณคิดว่าต้องไปทำงานทุกวัน
นั่นคือคุณคิดผิดแล้ว ถ้าคุณทำแล้วมีความสุขและเป็น
สิ่งที่คุณอย ากทำก็จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้
วอเร็น บัฟเฟตต์ เธอเคยบอกกับซูซี่อดีตภรรย าเธอที่
ล่วงลับไปในตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆว่า เขาจะต้องรวย
เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาทำงานหนัก หรือมีความเก่งเป็น
พิเศษ แต่เป็นเพราะเขาเกิดมาด้วยทักษะที่ถูกต้องใน
สถานที่ที่ถูกต้อง และในเวลาที่ถูกต้อง นั่นคือ ทักษะ
ในการจัดสรรเงินทุน ก็คือ การลงทุนนั่นเอง
3. อย่ ากลั วความล้มเหลว
ทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จได้เลย ก็คือ กล้าที่จะ
ล้มเหลว และล้มเหลวต่อหน้าสาธารณชนด้วย เราเชื่อว่า
ทุกคนจะต้องเคยล้มเหลวมาบ้าง ไม่มีใครที่ประสบความ
สำเร็จได้ตลอดโดยที่ไม่มีความล้มเหลวมาคั่น ถ้าเรากลัว
ความล้มเหลวเราก็จะไม่กล้าทำอะไร ไม่มีคำว่าล้มเหลว
ยกเว้นว่าคุณจะล้มเลิก การลงทุนก็เช่นเดียวกัน ไม่มีทาง
ที่คุณจะประสบความสำเร็จๆด้ตลอด อย่ าเลิกเมื่อขาดทุน
หนัก จงสู้ต่อไป แล้ววันหนึ่งเราจะชนะมันเอง
4. เอาไอเดียจากคนที่เก่งที่สุด และคนแ ย่ ที่สุดมาใช้
การอ่านประวัติและวิธีคิดของคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด
อย่ างการลงทุนของบัฟเฟตต์นั้น เราคิดว่าคงไม่มี
อะไรมาทดแทนได้
5. เน้นที่การขายเป็นหลัก
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกว่าบางสิ่งบางอย่ างจะถูกขาย
ออกไป นักลงทุนไม่ได้ขายอะไร แต่พวกเขาต้องรู้ว่า
บริษัทที่เราลงทุนนั้นขายอะไร และการขายเป็นหัวใจ
ของความสำเร็จของบริษัท และเป็นความสำเร็จของ
ราคาหุ้น
6. ทะเยอทะยาน
คนเราทุกคนต่างก็เ ส พ ติดอะไรบางอย่ างหรือหลาย
อย่ างในชีวิต เช่น เราติดกาแฟ ติดโซเชียล ติดอำนาจ
และเราต้องคิดว่าติดอะไรแล้วถึงจะเป็นประโยชน์แก่เรา
มหาเศรษฐีบอกว่า ไม่มีความมั่งคั่ง ถ้าไม่มีความทะเยอ
ทะยาน ทำอะไรสำเร็จแล้วก็ต้องพย าย ามทำให้สูงขึ้น
เรื่อย ๆ อย่ างไรก็ตาม ความทะเยอทะยานนั้นมีทั้งด้าน
มืด มันอาจทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเองสูงเกินไป
และเป็นอั น ต ร า ย ความทะเยอทะยานนั้นควรจะมีวัต
ถุประสงค์ชัดเจน และเราจะต้องไม่ปล่อยให้มันอยู่เหนือ
การควบคุมของเรา
7. ทำเลไม่สำคัญ
ทำเลที่ว่านี้คือสถานที่ที่คุณอยู่หรือที่ที่คุณทำงาน
ไม่ว่าคุณจะอยู่เมืองไหน คุณสามารถประสบความ
สำเร็จได้ไม่ต้องย้ายไปอยู่เมืองใหญ่หรือเมืองธุรกิจ
หลัก โดยเฉพาะอย่ างยิ่งในยุคปัจจุบันที่เรามีเครือ
ข่ายการสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพ บัฟเฟตต์นั้นเขา
อยู่ที่เมืองโอมาฮา รัฐเนบราสกา ซึ่งเป็นเมืองทาง
การเกษตรมาตั้งแต่เริ่มธุรกิจลงทุนเมื่อ 50 ปีก่อน
ที่การสื่อสารยังไม่ดีมากนัก แทนที่จะอยู่ที่นิวยอร์ค
หรือบอสตันที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและการลง
ทุน จริงๆแล่วนักลงทุนไม่จำเป็นต้องอยู่ที่กรุงเทพ
ถึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุน
8. ไม่มีวันเกษียณ
นักลงทุนไม่มีวันเกษียณ บัฟเฟตต์ และ มังเจอร์ อายุ
เกือบ 80 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังทำงานอยู่ทุกวัน แม้
แต่ปีเตอร์ ลินช์ หรือ จอห์น เนฟฟ์ ที่เกษียณจากการ
บริหารกองทุนรว มแต่พวกเขาก็ยังบริหารกองทุนส่วนตัวอยู่
9. ไม่หาเงินเพื่อเงิน
การทำเช่นนั้นคุณจะไม่ได้เงิน เงินจะมาก็ต่อเมื่อคุณ
ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และด้วยวิธีที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่คุณ
รักและมีความหลงใหลที่จะทำ คุณต้องทำในสิ่งที่มี
คุณค่าเป็นประโยชน์แล้วเงินจะมาเอง มันเป็นผลพลอย
ได้ อย่ าลงทุนแบบจ้องหาหรือหมกมุ่นกับผลตอบแทน
จนเกินไป มีความสุขกับการลงทุน ทำหรือเลือกลงทุน
อย่างถูกต้อง แล้วเงินจะมาหาเราเอง
10. เป็นนายตัวเอง
คุณไม่สามารถรวยได้โดยการทำงานให้คนอื่น
เพราะนักลงทุนนั้น ทุกคนเป็นนายของตัวเอง
11. อย่ าตั้งเป้าหมาย
เราควรลงมือทำให้สำเร็จทีละน้อย เดินหน้าไปทุกวัน
เป้าหมายหรือแผนธุรกิจนั้น พอเขียนเสร็จก็ล้าสมัยแล้ว
มหาเศรษฐีบางคนไม่มี Business Plan และไม่ตั้งแม้แต่
เป้า หรือยอดขายเลยด้วยซ้ำ พวกเขาเน้นที่การปฏิบัติ
ว่าต้องได้ผลมากกว่าการตั้งเป้าแต่ปฏิบัติไม่สำเร็จ นัก
ลงทุนเองก็ควรคิดว่า Execution หรือการปฏิบัตินั้นสำ
คัญกว่าเป้าหมายมาก ถ้าเราลงทุนแล้วพอร์ตเราโตขึ้น
เรื่อยๆ นี่แหละความสำเร็จ
12. ยึดมั่นในจรรย าบรรณทางธุรกิจ
นี่เป็นกฎเหล็กที่สำคัญที่สุด วอเร็น บัฟเฟตต์ พูดว่า
ชื่อเสียงนั้นใช้เวลากว่า 20 ปีในการสร้าง แต่ใช้เวลา
แค่ 5 นาทีในการทำลาย ดังนั้น คุณต้องสำนึกไว้อยู่
ตลอดเวลาด้วย
