1 : ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของคุณ
ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโอ้อวดไลฟ์สไตล์ส่วนตัว มันไม่ใช่เรื่องที่น่าคุยโว ว่าตอนนี้น้ำหนักฉันลงไปแล้วกี่กิโลกรัม
หรือเอาชนะการตื่นสายได้แล้ว หรือคุณสามารถเลิกอบายมุขได้แล้ว เพราะถ้าคุณละแล้วซึ่งความสุขทางโลก
ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาพูดถึงเรื่องอะไรแบบนี้อีก ไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงตัวตนหรืออัตตาใดๆ
เพราะถ้าคุณพึงพอใจในตัวเอง ก็จะไม่ต้องการคำป้อยอสรรเสริญจากใครอีก
2 : เรื่องราวที่ทำให้คุณไม่พอใจ
การพร่ำบ่นกับเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเลย เช่นเดียวกับที่คนอื่นทำเสื้อผ้าคุณเลอะ แล้วคุณไม่พอใจ
แถมยังพร่ำบ่นซ้ำ ๆ นั่นแปลว่าใจคุณก็เลอะไปด้วยคนที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่ขุ่นข้องหมองใจไว้กับตัว ก็ไม่ต่างกับคน
ที่ใส่รองเท้าย่ำเข้าบ้าน บ้านสกปรกเช่นไร ใจก็สกปรกเช่นนั้น ชีวิตคนเรามันสั้นนัก จะมาเสียเวลาหงุดหงิดพร่ำบ่นกันไปอีกทำไม
3 : แผนการอันยิ่งใหญ่ที่คุณต้องทำ เพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต
จงเก็บมันไว้เป็นความลับ จนกว่าคุณจะจัดการมันสำเร็จเรียบร้อย เพราะในทุก ๆ แผนการ มักมีจุดอ่อนซ่อนอยู่ (ซึ่งคุณอาจไม่รู้)
หากมีคนเห็นจุดบอดนั้น และหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น อาจทำให้คุณท้อแท้กับอุปสรรคตรงหน้าก็เป็นได้
4 : ความดีที่เคยทำ
การทำดีไม่จำเป็นต้องพูดเอาหน้า ไม่ต้องทวงบุญคุณ การโอ้อวดคุณงามความดีที่ตนทำ จะทำให้คุณเป็นคนเย่อหยิ่ง
หากคุณยังรู้สึกว่าต้องพูด ก็ควรกลับมาทบทวนดูว่า คุณทำความดีเพื่ออะไรกันแน่ คุณทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
หรือเพียงเพราะอยากให้คนอื่นยกย่อง
5 : ปัญหาครอบครัว
ยิ่งคนอื่นรู้ความลับในครอบครัวเราน้อยเท่าไหร่ ครอบครัวของเราก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้นมากเท่านั้น การจะแก้ไขปัญหาในครอบครัวได้
ต้องอาศัยความรักและความเข้าใจ ยิ่งคุณนำเรื่องราวในครอบครัวไปบ่นกับผู้อื่น ก็จะยิ่งทำให้แก้ปัญหาได้ยากขึ้น
6 : เรื่องของชีวิตและจักรวาล
ไม่จำเป็นต้องพูดคุย แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับความรู้ด้านชีวิตและจักรวาล เพราะนั่นคือการตีความของเราเพียงคนเดียว มันยัง
ไม่ใช่ความจริงแท้ การเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้ จะถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์ เกิดการเอาชนะกันไม่จบสิ้น ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ