ความเครียด คือ การหดตัว ของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนของร่างกาย ซึ่งทุกคนจำเป็นต้องมี
อยู่เสมอในการดำรงชีวิต เช่น การทรงตัว เคลื่อนไหวทั่วๆไป ทุกครั้งที่เราคิดหรือมีอารมณ์บางอย่ างเกิดขึ้น
จะต้องมีการหดตัว เคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแห่งใดแห่งหนึ่งในร่างกายเกิดขึ้นควบคู่เสมอ ความเครียดเกิด
จาก สิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดการปรับตัว และถ้าไม่สามารถปรับตัวได้จะทำให้เกิดความเครียด
สาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด
หากคุณกำลังลดความอ้วนอย่ างหนัก แต่สุดท้ายน้ำหนักและรูปร่างยังเหมือนเดิม อาจเป็นเ พ ร า ะ
สาเหตุเหล่านี้ก็ได้
1 : ทางด้านร่างกาย เกี่ยวกับสุขภาพและการเจ็บป่วย ทั้งรุนแรงและไม่รุนแรงทำให้เกิดความเครียดได้
การพักผ่อนไม่เพียงพอ ฯลฯ
2 : ทางด้านจิตใจ เช่น ผู้ที่มีความรับผิดชอบสูง เวลาที่มีเรื่องต่างๆ เข้ามากระตุ้นก็จะทำให้เกิดความเครียด
ได้ง่าย หรือเป็นผู้ที่วิตกกังวลง่าย ไม่มีทักษะในการปรับตัว
3 : ทางด้านสังคม มีสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความบกพร่องในเรื่องของการปรับตัว ไม่มีผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือ
ถ้ามีผู้ที่ให้ความช่วยเหลือก็จะทำให้ความเครียดลดน้อยลงไปมีสิ่งมากระตุ้นมากเกินความสามารถของตนเอง
ความขัดแย้งในครอบครัว ฯลฯ
เมื่อไหร่ที่ควรมาพบแพทย์
ความเครียดเกิดขึ้นเองและสามารถหายเองได้เป็นปกติทุกวัน แต่ถ้าความเครียดส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
ในปัจจุบัน เช่น นอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่ได้ ทำงานไม่ได้ ปวดศีรษะ ร่างกายอ่อนเพลียฯลฯ ควรมาพบ
แพทย์เพื่อรับคำแนะนำต่อไป
จะทราบได้อย่ างไรว่ามีความเครียดเกิดขึ้น
โดยปกติแล้วผู้ที่มีความเครียดเกิดขึ้นมักจะรู้ได้ด้วยตนเอง เช่น หงุดหงิด โมโหง่าย อ่อนเพลียเป็นเวลานาน
ไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือมีอาการทางด้านร่างกายร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ปวดศีรษะเป็นประจำวิธีการ
ขจัดความเครียดที่เหมาะสม การขจัดความเครียดให้ได้ผล 100% นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ในกรณีที่มา
พบแพทย์ แพทย์จะแนะนำวิธีการผ่อนคลาย การหายใจเข้า-ออกลึกๆ จะช่วยลดความเครียดลงได้
วิธีการขจัดความเครียดที่เกิดขึ้นพิจารณาจาก 3 สาเหตุ ได้แก่
1 : ทางด้านร่างกาย คือ การกำจัดสาเหตุที่เกิดขึ้น เช่น ปัญหาสุขภาพร่างกาย
2 : ทางด้านจิตใจ คือ การปรับสภาพจิตใจของตัวเราเอง รู้จักปรับเข้ากับปัญหา ยอมรับในสิ่งที่ยังแก้ไขไม่ได้
3 : ทางด้านสิ่งแวดล้อม คือ ถ้ามีภาระงานมากจนรับไม่ไหว ควรทำงานให้น้อยลง รู้จักแบ่งเวลาในการ
ทำงานและแบ่งเวลาให้กับตัวเอง
ขั้นตอนของการรักษา
ขั้นแรกเหมือนกับการตรวจร่างกายโดยทั่วๆ ไป มีการซักถามประวัติ การดำเนินโรค และการเริ่มต้นของกา
รเจ็บป่วย จากนั้นจิตแพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษาและวิเคราะห์หาสาเหตุของความเครียด ว่าเกิดจาก
สาเหตุอะไร ถ้าเกิดจากสิ่งแวดล้อม แพทย์จะแนะนำวิธีการปรับตัว ยกเว้นในกรณีที่ความเครียดเกิดจาก
โรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคจิตเพศบางอย่ างต้องรับการรักษาโดยการใช้ย า
ย าที่ใช้ในการรักษา
ย าคลายเครียดเป็นย าที่ออกฤทธิ์ต่อสมอง ช่วยให้การทำงานของสมองในส่วนที่ควบคุมความเครียดทำงาน
ไ ด้ ดี ขึ้ น และช่วยให้เกิดการนอนหลับ ช่วยลดความวิตกกังวล สำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง สามารถ
ใช้ย าคลายเครียดช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดได้ ดังนั้นย าคลายเครียดจึงมีผลต่อร่างกายทั้งในระยะ
สั้น และ ระยะย าว สำหรับท่านที่ไปพบจิตแพทย์ แพทย์จะให้ย าวันละครั้ง หรือวันละหลายครั้งแตกต่างกัน
ออกไป ซึ่งการรับประทานย าคลายเครียดควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรซื้อย ากินเอง ซึ่งจะก่อ
ให้เกิดผลกระทบเรื้อรัง โดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นความเครียดทั่วๆ ไปแพทย์จะไม่แนะนำให้ใช้ย า โดยจะใช้ย า
เมื่อจำเป็น หรือเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2-3 เดือน หรือเฉพาะในเวลาที่มีอาการวิตกกังวลส่วนใหญ่
แพทย์จะให้คำแนะนำในเรื่องของเทคนิคการคลายเครียด สอนวิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ฝึกในเรื่องของ
การปรับตัว และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ มากกว่าการให้ย ารับประทาน
ผลของการใช้ย าคลายเครียด
เนื่องจากย าคลายเครียดเป็นย าที่ทำให้ติ ดชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้ารับประทานเป็นระยะเวลานานติ ดต่อกันจะก่อให้
เกิดผลต่อร่างกาย เช่น ฤทธิ์ของย าทำให้เกิดการติ ด ทำให้ต้องกินย าในปริมาณที่เพิ่มขึ้น หรือจะเกิด
ความผิดปกติในเวลาที่ไม่ได้กินย า
วิธีการผ่อนคลายความเครียด
ควรออกกำลังกายเป็นประจำและสม่ำเสมอ หางานอดิเรกทำ สำหรับผู้ที่มีภาระงานประจำมาก ควรให้เวลา
กับตัวเองบ้าง จัดเวลาให้เหมาะสม หาที่ปรึกษาหรือเพื่อนเพื่อรับฟังหรือช่วยตัดสินใจในบางเรื่อง รวมทั้ง
ยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นต้น
วิธีการคลายเครียด
ทางด้านจิตวิทย าถือว่าความเครียดก็เป็นสิ่งที่ดี ช่วยให้เรามีการตื่นตัวอยู่เสมอ มีการป้องกันตัวเอง และ
ปรับป รุ ง ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่มีความเครียดเลยก็จะไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
แต่ถ้าจะไม่ให้เกิดความเครียดคงจะเป็นไปไม่ได้ จึงควรแบ่งเวลา หาเวลาให้กับตัวเองออกกำลังกาย
สม่ำเสมอ หรืออาจใช้วิธีการทางศาสนาช่วยโดยการนั่งสมาธิ
ความวิตกกังวลในการพบจิตแพทย์
สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตเวชควรคิดว่า การที่เรามาพบแพทย์นั้นเหมือนกับการหาที่ปรึกษา โดยมีผู้รับฟัง
และช่วยแก้ปัญหาที่ดี เนื่องจากการมาพบจิตแพทย์ไม่จำเป็นต้องป่วยหรือเป็นโรค เ พ ร า ะฉะนั้นไม่ควรวิตก
กังวล ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เคยมาปรึกษาแพทย์ จะได้รับคำแนะนำในปฏิบัติตนได้อย่ างถูกวิธี จึงช่วยลดความ
เครียดที่เกิดขึ้นได้
คนเราทุกคนมีความเครียดและต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่มีความเครียดอยู่เป็นระยะๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
การหาวิธีจัดการกับความเครียดที่เหมาะสม การไม่สามารถจัดการควบคุมสถานการณ์ที่มีความเครียดได้
จะนำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพตามมาได้