‘โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า’ แนะ 10 เคล็ดลับสำหรับคนหัวร้อน
‘ความโกรธ’ คือตัวบั่นทอนสุขภาพ ระงับความโกรธเอาไว้ซะ ชีวิตจะได้ยืนย าว!!!
‘โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า’ ธรรมะวาทะของพระพยอม ที่แม้หลายคนจะได้ยินจนคุ้นหู แต่ช่วงนี้คงต้องนำมาพูดทวนกันให้มาก
หน่อย เ พ ร า ะทั้งสภาวะอากาศแสนร้อน หรือสภาพสังคมอันตึงเครียด ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เราเกิดความโกรธขึ้นง่ายๆวันนี้
เราจึงขอแนะนำ ’10 เคล็ดลับห้ามความโกรธ’ สำหรับใครที่ ‘หัวร้อน’ บ่อยๆ จะได้ไม่ต้องไปกระทบกระทั่งกับใคร แถมยังได้
สุขภาพจิตใจที่ดีกลับมาอีกด้วย!
1 : คิดก่อนพูด
ใ น ช่ ว งที่เรากำลังมีอารมณ์เดือดดาลอยู่นั้น เราอาจพูดจาอะไรที่ฟังดูรุนแรงออกไปได้ง่าย ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เราต้องมานั่ง
เสียใจทีหลังก็ได้ ฉะนั้นก็ใช้เวลารวบรวมความคิดสักครู่ก่อนจะพูดอะไรออกไป รวมทั้งให้คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์มีโอกาส
ได้ทำแบบเดียวกับคุณด้วย
2 : เมื่อรู้สึกสงบแล้วค่อยแสดงความโกรธ
ทันทีที่คุณคิดได้แล้ว ก็แสดงความขับข้องใจของคุณออกไปอย่ างแน่วแน่ แต่ไม่ใช่ในแบบท้าตีท้าต่อย ระบุความกังวลและ
ความต้องการของคุณออกไปให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บ หรือพย าย ามจะควบคุมอีกฝ่ายให้
อยู่ภายใต้ความเดือดดาลของคุณ
3 : ออกกำลังกายบ้างนะ
กิจกรรมที่ได้ใช้ร่างกายนั้นสามารถช่วยลดความเครียด ที่อาจก่อให้เกิดเป็นอารมณ์โกรธขึ้นมาได้ ฉะนั้นถ้าคุณรู้สึกว่าอารมณ์
กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นล่ะก็ ออกไปทำกิจกรรมที่ได้ออกกำลังหรือวิ่งซะ
4 : ขอเวลาสงบอารมณ์
การขอเวลาสงบอารมณ์ไม่ได้ไว้ใช้กับเด็กที่ชอบอาละวาดเท่านั้นนะ ฉะนั้นก็ขอเวลาพักใจซะในช่วงที่ดูเหมือนจะมีเรื่องเครียดๆ
เกิดขึ้น การได้สงบอารมณ์คนเดียวเงียบๆ อาจช่วยให้คุณรู้สึกพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ทำให้เกิดความหมาง
หรือความโกรธ
5 : หาวิธีแก้ไขที่เป็นไปได้
แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธ ก็คิดหาวิธีแก้ไขปัญหาในเรื่องนั้นจะดีกว่า เช่น ห้องนอนรกๆ ของลูกทำให้
คุณเป็นบ้าใช่มั้ย? ให้ปิดประตูซะ หรือปัญหาอย่ างการที่คนรักมาดินเนอร์กับคุณช้าเป็นประจำ! ก็ลองขยับเวลาดินเนอร์ออกไป
ให้ช้าอีกนิด หรือตกลงกันว่าต่างคนต่างกินในวันธรรมดา จงเตือนตัวเองเอาไว้เสมอว่า ความโกรธไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่
จะทำให้อะไรๆ แย่ลง
6 : ใช้คำว่า “ฉัน” ในการอธิบาย
หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์หรือการตำหนิ ซึ่งนั่นอาจทำให้สถานการณ์เต็มไปด้วยความรุนแรงมากขึ้น ใช้คำว่า “ฉัน” ในการ
ชี้แจงให้เห็นถึงปัญหาดีกว่า โดยควรจะอยู่ในขอบเขตของความยำเกรงและมีรายละเอียดยกตัวอย่ างเช่นการพูดว่า “ฉันรู้สึก
โกรธที่คุณลุกออกจากโต๊ะกินข้าว โดยไม่เสนอตัวที่จะช่วยฉันล้างถ้วยล้างชามเลย” แทนที่จะพูดว่า“คุณไม่เคยช่วยทำงาน
บ้านอะไรเลย“
7 : อย่ าเก็บงำความโกรธเอาไว้
การให้อภัยคืออาวุธลับที่ทรงพลัง ถ้าคุณปล่อยให้ความโกรธหรือความรู้สึกทางด้านลบ มามีอนุภาพเหนือความรู้สึกทางด้าน
บวกล่ะก็ คุณอาจจะพบว่าคุณเองนั่นแหละที่ต้องนั่งระทมทุกข์อยู่กับความขมขื่น หรือความรู้สึกไม่ยุติธรรม แต่ถ้าคุณให้อภัย
คนที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธได้ คุณทั้งคู่ก็อาจจะได้บทเรียน และช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นกันมากขึ้น
8 : ใช้อารมณ์ขันสลายความเครียด
ความร่าเริงอาจช่วยลดความตึงเครียดลงได้ ใช้อารมณ์ขันในการช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธได้ และอย่ า
ได้คาดหวังให้อะไรๆ คลี่คลายแบบไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง นอกจากนี้ก็หลีกเลี่ยงการใช้คำเสียดสี ซึ่งจะทำไม่ดีกับความรู้สึก
และทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวเข้าไปกันใหญ่
9 : ฝึกทักษะการผ่อนคลาย
เมื่อความรู้สึกโกรธผุดขึ้นมา ก็ใช้ทักษะการทำให้รู้สึกผ่อนคลายยับยั้งเอาไว้ซะ โดยฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ หรือจินตการถึง
ฉากหลังที่ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย หรือท่องคำหรือวลีที่ชวนให้รู้สึกสงบซ้ำไปซ้ำมา เช่นท่องวลีทีว่า “ใจเย็นๆเอาไว้” นอก
จากนี้ก็อาจใช้วิธีฟังเพลงเขียนบันทึกหรือเล่นโยคะซักสองสามท่าหรือทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้คุณรู้สึกสงบเยือกเย็นลงได้
10 : รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องขอความช่วยเหลือ
การเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์โกรธนั้นเป็นเรื่องท้าทาย แต่ถ้าความรู้สึกโกรธนั้นเกินจะควบคุมไหว คุณก็ต้องร้องขอความช่วย
เหลือแล้วล่ะ เนื่องจากความโกรธที่เกินจะควบคุมนั้น อาจก่อให้คุณทำอะไรที่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง หรือทำอะไรให้คน
รอบข้างต้องชอกช้ำระกำใจได้