ปัญหาที่คนส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้ ก่อนที่จะพูดถึงวิธีแก้ปัญหา ควรจะดูที่ต้นเหตุของปัญหาก่อน
ว่าทำไมถึงมีเงินไม่พอใช้ เชื่อว่าหลายๆ คนเมื่อได้เงินมาแล้ว ก็นำมาจับจ่ายใช้สอยไปโดยไม่มีการ
วางแผนไว้ก่อน อีกทั้งยังไม่ทันคิดถึงเรื่องเผื่อเงินไว้สำหรับการเก็บออม แค่เข้าช่วงกลางเดือนเงิน
ก็เริ่มทยอยใช้สอยจนหมด น่าจะเห็นกันแล้วว่าปัญหาที่ทำให้เงินไม่พอใช้ส่วนมากเกิดจากการขาด
วินัยในการใช้เงิน ถ้าอย ากมีเงินเหลือใช้แถมมีไว้เก็บออม ข้อแนะนำให้ทำดังวิธีต่อไปนี้
1.แบ่งเงินที่ต้องใช้ให้เป็นระบบ
มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่เมื่อได้เงินมาแล้วจะแบ่งเงินที่ได้
ออกเป็นสัดส่วนเพื่อเตรียมใช้จ่ายตามที่ตั้งไว้ ส่วนใหญ่
มักจะรวมไว้ในกระเป๋าเดียว เมื่อถึงเวลาที่ต้องการใช้เงิน
ก็ค่อยหยิบออกมา แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ต้องพบว่าเงินนั้นใกล้
จะหมดแล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอแนะนำเทคนิคการจัดการ
เงินไว้ใช้จ่ายให้เป็นระบบ โดยจะแนะนำให้แบ่งออกมาเป็น
4 ส่วนดังนี้ เงินสำหรับค่าใช้จ่ายประจำ เงินสำหรับใช้ในชีวิต
ประจำวัน เงินสำหรับเก็บออม และสุดท้าย เงินสำหรับใช้จ่าย
เพื่อความสุขส่วนตัว การจัดแบ่งเงินที่มีจะทำให้คุณเห็น
ขอบเขตของจำนวนเงินที่สามารถใช้ได้ในส่วนนั้น ๆ
2.พิจารณาค่าใช้จ่ายประจำ
ในที่นี้หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ในแต่ละเดือน
เช่น ค่าเดินทาง ค่าเช่าที่พัก ค่า อ า ห า ร ค่าผ่อนรถ ฯลฯ
หากลองพิจารณาดูแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้นั้นมากไป หรือเกิน
กว่า 70% ของเงินเดือน คุณอาจต้องมองหาช่องทางใหม่
เพื่อลดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลง เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้คุณจำ
เป็นต้องจ่ายแน่ๆ ในทุกเดือน หากไม่สามารถปรับลดลงได้
ก็จะเกิดปัญหาที่ต้องใช้เงินเดือนชนเดือนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ทางที่ดีค่าใช้จ่ายประจำเหล่านี้ไม่ควรเกินกว่า 40% ของ
รายได้เพื่อให้เหลือเก็บ และมีสำรองไว้ใช้เผื่อกรณีฉุกเ ฉิ นด้วย
3.แยกให้ออกระหว่าง อย ากได้ กับ จำเป็น
ถ้าคุณอย ากออมเงินและมีเงินไว้ใช้จ่ายให้เพียงพอ
ต้องแยกแยะให้ออกว่าสิ่งที่คุณกำลังจะซื้อนั้นมันจำเป็น
จริงๆ หรือแค่อย ากได้กันแน่ ถ้าคุณแค่อย ากได้แล้วเงิน
ที่มีอยู่เริ่มจะไม่พอใช้ คุณจำเป็นต้องสร้างวินัยในการใช้
เงินให้กับตัวเอง แม้ว่าครั้งแรกๆ อาจจะเป็นเรื่องย ากแต่
เมื่อคุณทำไปบ่อยๆ คุณก็จะใจแข็งขึ้นได้
4.หารายได้เสริม เพื่อเพิ่มโอกาสทางการเงิน
หากพิจารณาค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนดูแล้ว เงินก็ยังมีไม่
พอใช้ อีกทั้งยังไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ หากเกิดกรณี
แบบนี้คุณอาจจะต้องหาช่องทางสร้างรายได้เสริม เพื่อสร้าง
เงินทุนสำรองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและยามฉุ กเ ฉิ น
ถ้าอย ากมีรายได้เพิ่มเติม
5.มองให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ด้วยบัญชีรายรับรายจ่าย
ในบางครั้งพอลองมานั่งคำนวณค่าใช้จ่ายที่ผ่านมา
อาจจะสงสัยกันว่า ‘เอ๊ะ เงินส่วนนี้หายไปไหนกันนะ’
อาจเป็นเพราะว่าเรามีค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่เผลอ
ใช้ไปโดยไม่ทันได้นึกถึง อย่ างเช่น ค่าขนม 20 – 30
บาท ฟังดูเหมือนเป็นเพียงค่าใช้จ่ายเล็กน้อยที่ไม่ส่ง
ผลอะไร แต่เมื่อรวมกันหลายๆ ชิ้นแล้ว ก็เป็นค่าใช้จ่าย
ที่เยอะพอสมควรเช่นกัน ซึ่งมักจะซื้อโดยไม่ทันร ะวั ง
หากลองคิดดูดีๆ คุณอาจจะเสี ยเงินไปสินค้าเหล่านี้
เป็นพันบาท ซึ่งเราสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงได้
ด้วยการทำบัญชีรายรับรายจ่าย ซึ่งจะทำให้คุณเห็นได้
อย่ างชัดเจนว่าในเดือนนั้นๆ คุณใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่
และสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นส่วนไหนออกได้บ้าง
6.ปล่อยวางบัตรเครดิต
การนำเงินในอนาคตมาใช้จ่ายสำหรับสินค้าราคาแพง
ก็อาจจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้คุณไม่ต้องแบกรับภาระทาง
การเงินที่หนักจนเกินไป แต่ก็มีไม่น้อยที่ใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต
ไปกับทุกอย่ าง ซึ่งทำให้กลายเป็นการสร้างหนี้ก้อนเล็กๆ
อยู่ตลอดเวลา จนทำให้ไม่สามารถมีเงินเก็บได้ บัตรเครดิต
ก็เป็นเหมือนดาบ 2 คมที่อาจก่อให้เกิดหนี้สินจนทำให้ต้อง
นำเงินเดือนมาชำระหนี้ส่วนนี้จนหมด สุดท้ายก็เงินไม่พอใช้