คุณโมโหง่ายจนทำให้ชีวิตแย่ลงหรือเปล่า? โมโหจนไม่เป็นอันทำงาน โมโหจนคนรอบข้างปลีกตัวหนี โมโหจนสุขภาพร่างกาย
และจิตใจแย่ลงความโกรธเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ แต่เราก็ควรหาวิธีควบคุมอารมณ์นี้ในทางที่ถูกด้วย
การที่เราไม่พย าย ามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความสัมพันธ์ต่างๆในชีวิตได้ ในบทความนี้เรา
มาดูกันว่าการควบคุมอารมณ์โมโห ‘ที่เราเริ่มได้วันนี้’ ทำยังไงบ้าง
วิธีทำให้ใจเย็นและควบคุมอารมณ์เวลาโมโห
วิธีทำให้ใจเย็น ควบคุมอารมณ์เวลาโมโห เริ่มจากการสังเกตุอารมณ์ของตัวเอง หากรู้สึกว่าตัวเองกำลังหงุดหงิด หัวร้อนให้พย า
ย ามหาวิธีเปลี่ยนความคิดความสนใจไปที่เรื่องอื่น นอกจากนั้น เราสามารถควบคุมอารมณ์ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกาย สุขภาพ
จิตใจ และ สุขภาพความคิดของเราอาจจะเป็นการสรุปวิธีทำให้ใจเย็นที่ง่ายไปหน่อย ในส่วนต่อไป เรามาดูอ่านรายละเอียดวิธี
ควบคุมอารมณ์โมโหของเราเพิ่มกันครับ
ทำความเข้าใจอารมณ์โกรธ
อย่ างที่บอกไป ความรู้สึกโกรธเป็นเรื่องธรรมดามันเป็นอารมณ์อย่ างหนึ่งไม่มีดีไม่มีแย่และเหมือนอารมณ์อื่นๆของเราความโกรธ
เป็นสัญญาณบอกถึงสภาพจิตใจของเรา มันบอกเราว่าเรากำลังรู้สึกแย่ หรือรู้สึกถูกกดดันเ พ ร า ะฉะนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดามาก
ที่เราจะรู้สึกโกรธ โดยเฉพาะเวลาที่มีคนมาทำให้เรารู้สึกแย่ แต่ความโกรธจะเริ่มกลายเป็นปัญหาถ้าคุณปลดปล่อยมันออกมาใน
ทางที่ทำไม่ดีกับตัวเองและคนรอบข้างคุณอาจจะคิดว่าการระบายอารมณ์ออกมาเป็นสิ่งที่ทุกคนทำกัน บางครั้งคนรอบข้างคุณ
อาจจะเป็นฝ่ายผิดด้วยซ้ำที่คิดมากเกินไป คุณอาจจะคิดว่าความโกรธของคุณเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หรือว่าการแสดงความโกรธ
เป็นสิ่งที่จำเป็นในการให้คนรับฟังผลเมื่อคืน แต่ในความเป็นจริงแล้วความโกรธอาจจะสร้างผลลบให้กับชีวิตคุณมากกว่าเดิม
คนรอบข้างคนอาจจะมองคุณแย่ลง ความโกรธจะรบกวนการตัดสินใจของคุณ และจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ
วิธีทำให้ใจเย็นและควบคุมอารมณ์
คนส่วนมากคิดว่าการควบคุมอารมณ์คือการยับยั้งตัวเอง ปิดบังความรู้สึก แต่การไม่โมโหอะไรเลยเป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายของ
เราครับ นอกจากนั้นยิ่งเราพย าย ามปิดอารมณ์ตัวเองมากเท่าไร เวลาที่เราหลุดโมโหออกมาก็จะยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้น
ไปอีก การควบคุมอารมณ์ไม่ใช่การปิดบังความรู้สึกแต่เป็นการทำความเข้าใจ ‘ข้อความ’ ของอารมณ์นั้น และหาวิธีแสดงอารมณ์
นั้นออกมาแบบที่เราไม่เสียความควบคุมหากเราทำได้เราจะรู้สึกดีมากขึ้น และ โอกาสที่คนจะอย ากช่วยเราแก้ปัญหาหรือทำ
ตามสิ่งที่เราขอก็มีมากขึ้นด้วย เราจะสามารถบริหารความขัดแย้งในชีวิตเราได้และพัฒนาความสัมพันธ์ต่างๆให้ลึกซึ้งมากกว่า
เดิมการจัดการความโกรธและควบคุมอารมณ์เป็นอะไรที่ใช้ความพย าย ามเยอะครับ แต่ยิ่งเราฝึกมากเท่าไรมันก็จะยิ่งง่ายขึ้น
เรื่อยๆ หากเราทำความเข้าใจข้อดีและประโยชน์ของการจัดการความโกรธแล้ว เราจะรู้สึกว่าชีวิตของเราสดใสและน่าพึงพอใจ
มากกว่าเดิม
วิธีทำให้ใจเย็นทันที
หากเราเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณต่างๆว่าเรากำลังจะโมโหครั้งใหญ่แล้ว เราก็สามารถทำให้ตัวเองใจเย็นลงก่อนได้ ให้ลองทำตาม
ขั้นตอนพวกนี้ดูเพื่อควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีขึ้นครับ
โฟกัสกับสัญญาณต่างๆของร่างกาย – ให้เรารับรู้สัญญาณต่างๆที่เขียนไว้ในข้อสอง การตั้งสติสังเกตุความคิดความรู้สึก
ตัวเองจะทำให้อารมณ์โมโหเบาลง
หายใจลึกๆ – ให้หายใจลึกๆช้าๆ เพื่อลดความตึงเครียดในร่างกาย ให้เราหายใจลึกจากหน้าท้องและสูดอากาศเข้าปอดให้
เยอะมากที่สุด
ออกไปเดิน – การออกไปเดินหรือที่คนทั่วไปบอกว่า ‘ออกไปสงบสติอารมณ์’ เป็นเรื่องที่ดีครับ กิจกรรมที่ใช้แรงหน่อย เช่น
การเดินหรือการออกกำลังกายจะช่วยให้เรา ‘ปลดปล่อยพลัง’ ที่เราเก็บไว้ และช่วยทำให้เราใจเย็นลงได้
รับรู้การสัมผัสต่างๆ – เราสามารถใช้สัมผัสต่างๆเช่น การได้กลิ่น การได้ยิน การลิ้มรส และการสัมผัสและเคลื่อนไหว เพื่อลด
ความเครียดและทำให้ใจเย็นลง คุณอาจจะลองฟังเพลงที่คุณชอบ ดูรูปเก่าๆที่ทำให้คุณรู้สึกดี ดื่มน้ำหวานซักแก้ว หรือออกไป
เล่นกับสัตว์ต่างๆ
การยืดตัวและการนวด – ความตึงเครียดของจิตใจและร่างกายนั้นจะสัมพันธ์กัน ถ้าคุณรู้สึกว่าร่างกายตัวเองตึงเครียดก็ให้
ลองหมุนใหล่ หมุนคอ หรือ บิดตัวเพื่อให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
นับหนึ่งถึงสิบ – ให้โฟกัสที่การนับเลขเพื่อรอให้สมองของคุณคิดตามความรู้สึกให้ทัน หากคุณนับถึงสิบแล้วยังโมโหอยู่ก็ให้
เริ่มนับใหม่อีกรอบ
ใจเย็นลงด้วยการดูแลตัวเอง
สุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งที่มีผลต่ออารมณ์และความตึงเครียดของเรามาก
ความเครียด ยิ่งเรารู้สึกเครียดเราก็ยิ่งโมโหง่าย หากเราสามารถควบคุมความเครียดได้เราก็จะรู้สึกว่าอารมณ์ของเราอยู่ในการ
ควบคุมของเรา คุณอาจจะใช้วิธีง่ายๆอย่ างการนั่งสมาธิ การตั้งสติ หรือการฝึกหายใจก็ได้ ทุกอย่ างจะดูสงบขึ้นถ้าเราสามารถ
ควบคุมอารมณ์ได้
ให้พูดกับคนที่คุณรักหรือเชื่อใจ ไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้มากกว่าการใช้เวลากับคนที่สำคัญต่อเรา ผู้ฟังที่ดีไม่จำเป็น
ต้องให้คำตอบหรือแก้ปัญหาให้เราก็ได้ ตราบใดที่คนคนนั้นพร้อมที่ฟังและทำความเข้าใจปัญหาของเรา การอธิบายสถานการณ์
ของเราเพื่อหามุมมองที่แตกต่างไม่เหมือนกับ ‘การบ่น’ หากเราแค่อย ากบ่นหรือระบายความโกรธให้คนอื่นฟัง เราก็ยิ่งรู้สึกโมโห
มากกว่าเดิม ซึ่งก็เท่ากับว่าปัญหาด้านนี้ก็จะไม่ได้ถูกแก้ไขอะไร
นอนให้พอ เวลาเรานอนไม่พอเราจะเริ่มมีความคิดด้านลบมากขึ้น และ เราก็จะมีความรู้สึกหงุดหงิดหรือใจร้อนมากขึ้นด้วย
หากเป็นไปได้เราต้องนอนให้ได้อย่ างน้อยเจ็ดถึงเก้าชั่วโมง
ออกกำลังกายเป็นประจำ การลดความเครียดที่ดีที่สุดคือการออกกำลังกาย เวลาเราออกกำลังกายเสร็จแล้วเราจะรู้สึกผ่อน
คลายแล้วมีความคิดบวกตลอดวัน ให้พย าย ามออกกำลังกายอย่ างน้อยสามสิบนาทีทุกวัน หรือจะพย าย ามย่อยเวลาออก
กำลังกายเป็นช่วงเล็กๆที่เหมาะกับตารางชิวิตคุณก็ได้
ไม่ติดของไม่ดีต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ แอลกอฮอล์ หรืออย่ างอื่นก็ตาม ของพวกนี้มีสารเคมีที่ระงับความสามารถการ
ควบคุมอารมณ์ของคุณ คนที่รับคาเฟอีนมากเกินไปจะรู้สึกหงุดหงิดง่ายและโมโหบ่อยขึ้น
อารมณ์ขันระงับความเครียด
คำว่า ‘ยิ้มให้กับปัญหา’ เป็นอะไรที่มากกว่าแคปชั่นเฟสบุ๊ค เวลาเรารู้สึกเครียด อารมณ์ขันและความร่าเริง จะช่วยทำให้เราเปลี่ยน
บรรย ากาศ เปลี่ยนมุมมอง และ แก้ไขความไม่เข้าใจกันได้มากขึ้น หากคุณรู้สึกว่า ตัวเองกำลังโกรธอยู่ ให้ลองนำมุขตลกเบาๆ
มาเล่นดู มุขตลกทำให้เราช่วยอธิบายอารมณ์ย ากๆได้ง่ายกว่าเดิม แถมยังลดโอกาสที่จะทำไม่ดีต่อความรู้สึกของคนอื่นอีกสิ่งที่
สำคัญก็คือเราต้อง ‘หัวเราะไปกับ’ อีกฝ่ายแทนที่จะหัวเราะใส่อีกฝ่าย การพูดประชดหรือเล่นมุขตลกเพื่อลดความสำคัญของคน
อื่นเป็นเรื่องที่เราต้องระวังเข้าไว้ หากคุณไม่มั่นใจก็ให้เล่นมุกตลกเกี่ยวกับปัญหาของตัวเองแทน คนส่วนมากชอบคนที่สามารถ
มีความสุขกับความล้มเหลวของตัวเองได้เ พ ร า ะฉะนั้นหากคุณทำอะไรผิด หรือ ทำน้ำหกใส่ตัวเอง แทนที่จะโมโหโวยวายก็
ให้ลองเปลี่ยนอารมร์นั้นมาเป็นมุขตลกแทน บางทีมุขอาจจะออกมาไม่ตลกอย่ างที่เราคิด แค่ยังไงมุขตลกแป้กก็ไม่ได้ทำไม่ดี
กับใครถ้าเราเรียนรู้ที่จะใช้มุกตลกในการแก้สถานการณ์ตึงเครียด เราจะสามารถเปลี่ยนการทะเลาะกันให้มาเป็นความสัมพันธ์ที่
แน่นเหนียวมากขึ้น