วิธีการเติมพลังกายให้ชีวิต
ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยเรื่องที่ทำให้เครียด จึงส่งผลให้เรามักจะอ่อนล้าทางกาย ทางอารมณ์ และทางจิตใจอยู่เสมอ ถ้าเรากำลัง
รู้สึกเหน็ดเหนื่อยในช่วงนี้ ลองหาเวลาหยุดพักและเติมพลังให้ตนเองเสียก่อนเพื่อจะได้มีกำลังกาย มีอารมณ์ และมีกำลังใจ
ในการกลับมาสู้ปัญหาต่างๆ ต่อไป
1 : อาบน้ำอุ่น การอาบน้ำอุ่นช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อแช่น้ำอุ่นหลังจากกลับมาถึงบ้านถึงแม้เราจะไม่รู้สึกปวดเมื่อยมากก็ตาม
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อเป็นการส่งสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่าถึงเวลาพักและผ่อนคลายแล้ว การกระตุ้นให้ร่างกายผ่อนคลาย
ก่อนเข้านอนช่วยให้เราหลับได้สบายขึ้น และตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้า
-ลองอาบน้ำอุ่นและน้ำเย็นสลับกัน กล่าวกันว่าการบำบัดด้วยน้ำอุ่นและน้ำเย็นช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันและ
ทำให้การไหลเวียนในร่างกายดีขึ้น เ พ ร า ะการไหลเวียนไนร่างกายดีขึ้น เราจึงรู้สึกสดชื่น
-อาบน้ำอุ่นตามปกติ จากนั้นปรับอุณหภูมิให้เป็นน้ำเย็นและยืนให้น้ำชำระล้างตัวสัก 30 วินาที เปลี่ยนไปอาบอุ่นอีกสัก 30
วินาที และจากนั้นเปลี่ยนไปอาบน้ำเย็นสัก 30 วินาทีอีกครั้งก่อนปิดฝักบัว เสร็จสิ้นการอาบน้ำ
2 : ใช้ครีมขัดผิวแบบง่ายๆ เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ใช้ครีมขัดผิวบริเวณเท้าและมือทั้งสองข้าง ใช้ครีมขัดผิวที่ใบหน้าด้วย
การขัดผิวช่วยให้ได้ขูดเซลล์ผิวที่เสียแล้วออกไปและทำให้การไหลเวียนทั่วร่างกายดีขึ้น ผลสุดท้ายคือเราจะรู้สึกกระปรี้
กระเปร่ามากขึ้น
3 : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน. กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้มาก ผักใบเขียว ผลไม้ โปรตีนไขมันต่ำ ไขมันดี และธัญพืช
เต็มเมล็ด การกินอาหารที่ผ่านการแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาล และการดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ร่างกายอ่อนล้า ไม่ค่อยมีเรี่ยว
แรง เราไม่จำเป็นต้องเลิกกินทุกอย่ างที่ชอบ แค่ลดการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพลงและเน้นกินอาหารและของว่างที่มี
คุณค่าทางโภชนาการมากขึ้น
กินอาหารเช้า การไม่กินอาหารเช้าจะทำให้เรารู้สึกหมดแรงในช่วงเช้า และถ้าเรายังเพิ่มปัญหาด้วยการกินอาหารกลางวัน
ในปริมาณน้อยอีก พอกลับถึงบ้านเราก็จะต้องกินอาหารให้มากเพื่อทดแทนสารอาหารที่เสียไป ฉะนั้นอย่ างดอาหารเช้า
และในอาหารมื้อนี้ควรกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและโปรตีนในปริมาณที่ได้สัดส่วนรวมทั้งควรกินอาหารที่มี
ไขมันเล็กน้อยด้วย
4 : ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่ างน้อยที่สุดห้านาทีทุกหนึ่งชั่วโมง การยืดเหยียดกล้ามเนื้อจะทำให้เรา
รู้สึกหายเมื่อยและคลายความเหน็ดเหนื่อย นอกจากนี้ยังทำให้ไหลเวียนดีขึ้นโดยทันที ผลคือทำให้เรากระปรี้กระเปร่า
อย่ างรวดเร็วเราอาจยืดเหยียดกล้ามเนื้ออย่ างง่ายๆ ตัวอย่ างเช่น ลองยืนขึ้น สูดหายใจเข้าลึกๆ เหยียดแขนขึ้นเหนือ
ศีรษะ อยู่ในท่านี้สักสองสามวินาทีก่อนปล่อยแขนลง จากนั้นค่อยๆ ก้มตัวจนปลายนิ้วแตะนิ้วเท้า ต่อไปคลายความ
เมื่อยล้าบริเวณคอด้วยการหมุนคอและค่อยเปลี่ยนท่าเป็นการเอียงคอไปทางซ้ายและขวา
5 : ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น เดินเล่น วิ่ง หรือว่ายน้ำ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักและนาน แต่หา
เวลาให้ร่างกายได้ขยับสัก 10 ถึง 30 นาทีเพื่อกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมี “ความสุข” เช่น เซโรโทนิน อะดรีนาลีนและ
เอ็นดอร์ฟิน จะได้ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจให้กลับมามีพลังเหมือนเดิม
ขอแนะนำเพิ่มเติมว่าให้พย าย ามออกกำลังกายนอกบ้าน การเดินเล่นช่วงสั้นๆ ในวันที่มีแสงแดดจะทำให้ร่างกายได้รับ
วิตามินดี และการใช้เวลาอยู่บริเวณกลางแจ้งโดยเฉพาะอย่ างยิ่งท่ามกลางธรรมชาติจะเป็นการฟื้นฟูสภาพจิตใจและ
ร่างกายด้วย
6 : ใช้สุคนธบำบัด จะจุดเทียนน้ำมันหอมระเหยหรือใส่น้ำมันหอมระเหยลงในอ่างน้ำสองสามหยดก็ได้ เชื่อว่ากลิ่นน้ำมัน
หอมระเหยบางกลิ่นกระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลาย ขณะที่บางกลิ่นทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
-น้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์จะช่วยให้เราผ่อนคลาย
-ลองน้ำมันหอมระเหยกลิ่นโรสแมรี่ ผลจูนิเปอร์ เป็ปเปอร์มินท์ และกลิ่นซิตรัส เพื่อเติมพลังและฟื้นฟูร่างกาย
7 : นอนหลับให้เพียงพอ คนในวัยผู้ใหญ่ส่วนมากนอนหลับแค่วันละห้าถึงหกชั่วโมงเท่านั้น ทั้งที่ควรจะหลับวันละเจ็ดถึง
เก้าชั่วโมงเพ ร า ะฉะนั้นการนอนหลับพักผ่อนให้ได้จำนวนชั่วโมงดังกล่าวและนอนให้ครบจำนวนชั่วโมงการนอนที่ไม่พอ
นั้นเป็นพฤติกรรมที่ควรทำลองนอนเร็วขึ้นสักหนึ่งชั่วโมงเป็นเวลาอย่ างน้อยหนึ่งสัปดาห์ดูสิ และจะเห็นถึงความแตกต่าง
ถ้าไม่สามารถหาเวลานอนได้มากขนาดนั้น พย าย ามงีบหลับสัก 20 นาที จะได้ป้องกันไม่ให้เผลอหลับลึกและร่างกาย
มีแรงขึ้นมาสักเล็กน้อย
8 : พักเป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่ทำงานไป 90 นาที ให้พัก 10 นาที ช่วงเวลาพัก ให้ทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ
ฟังเพลง เล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือทำงานอดิเรกทำกิจกรรมในชั่วพักให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดด้วยไม่อย่ างนั้นเราจะเครียด
และไม่มีสมาธิเมื่อต้องกลับทำงาน